รายงานการสำรวจฉบับใหม่ระบุว่า ในระยะห้าปีที่ผ่านมาจำนวนเด็กผู้หญิงในหลายส่วนของอินเดียลดลงอย่างมากเมื่อเทียบสัดส่วนกับจำนวนเด็กผู้ชาย
ผู้สื่อข่าว VOA Anjana Pasricha รายงานจากกรุงนิวเดลลีว่า ตามวัฒนธรรมที่ครอบครัวชาวอินเดียมักจะต้องการลูกชายมากกว่าลูกสาวทำให้มีการทำ แท้งทารกในครรค์ที่ทราบว่าเป็นเพศหญิงเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนทำให้จำนวนเด็กผู้หญิงน้อยกว่าจำนวนเด็กผู้ชายมาก
การศึกษาสำรวจในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียพบว่า ตั้งแต่ปี 2544 เมื่อมีการสำรวจสัมมะโนประชากรครั้งหลังสุดนั้น สัดส่วนของเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่าหกปีลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การกุศลของอังกฤษ Action Aid กับศูนย์วิจัยการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดานั้น สามในห้ารัฐที่สำรวจ จำนวนเด็กผู้หญิงลดลงเหลือไม่ถึง 800 คน ต่อ เด็กผู้ชาย 1,000 คน ขณะที่ในรัฐอื่นๆ เฉลี่ยแล้วมีเด็กผู้หญิง 950 ต่อเด็กผู้ชาย 1,000 คน ซึ่งลดลงทั้งในชนบทและเขตเมือง และในบางพื้นที่ ครอบครัวในเขตเมืองมักต้องการมีลูกน้อย ที่สำหรับเด็กผู้หญิงก็ถูกจำกัด
ตามรายงานนั้น พ่อแม่จำนวนมากพยายามหลีกเลี่ยงการมีลูกสาวโดยการตรวจเพศทารกในครรภ์ด้วย Ultrasound แม้จะมีกฎหมายห้ามการตรวจแบบนี้ออกมาเมื่อปี 2537 ก็ตาม หากพบว่าทารกเป็นเพศหญิงก็มักทำแท้ง นอกจากนั้น อัตราการรอดชีวิตของเด็กผู้หญิงก็อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์เนื่องจากถูกละเลยด้าน การดูแลสุภาพ
ความต้องการมีลูกชายมากกว่าลูกสาว ฝังรากอยู่ในวัฒนธรรมที่มองว่าเด็กผู้หญิงเป็นภาระทางการเงินเพราะพ่อแม่จะ ต้องจัดเตรียมค่าสินสอดไว้ให้เมื่อถึงเวลาแต่งงานแยกบ้านไปถือว่าเป็นความ สูญเสีย พ่อแม่จึงมักต้องการลงทุนให้การศึกษา ดูแลสุขภาพ และการงานสำหรับลูกชายมากกว่า
ในระยะสิบปีที่ผ่านมา อินเดียมีโครงการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนหลายโครงการในเรื่องสิทธิของเด็กผู้หญิง แต่มีความก้าวหน้าช้ามาก
รายงานนี้เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียดำเนินงานให้มากขึ้นเพื่อบังคับใช้กฎหมายควบคุมตรวจสอบการทำแท้งทารกเพศหญิง และในระยะยาว จะต้องพยายามให้มีการเปลี่ยนทัศนคติทางวัฒนธรรม
ในวารสารการแพทย์ Lancet ของอังกฤษ รายงานว่า ทารกเพศหญิงในอินเดียถูกทำแท้งปีละราว 500,000 แสน