เมื่อปีที่ผ่านมาปริมาณการผลิตฝิ่นในอาฟกานิสถานเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา นอกจากการค้ายาเสพติดเป็นอุปสรรค สำคัญในการพัฒนาอาฟกานิสถานเองแแล้วยังมีผลกระทบต่อทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเพราะมีคนไทยเกี่ยวข้องกับการค้าฝิ่นจากอาฟกานิสถานด้วย
จากรายงานของสำนักงานควบคุมยาเสพติดนานาชาติแห่งสหประชาชาติที่ออกมาเมื่อต้นเดือนมีนาคมนี้ อาฟกานิสถานกลายเป็นชาติที่ิผลิต และส่งออกยาเสพติดจำพวกฝิ่นรายใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว โดยประมาณกันว่า อาฟกานิสถานมีส่วนแบ่งในตลาดยาเสดติดโลกถึง 93 เปอร์เซ็น โดยเป็นยาเสพติดในประเภทฝิ่น เฮโรฮีน และมอร์ฟีน
ปากีสถาน เป็นเพื่อนบ้านอาฟกานิสถานที่ได้รับผลกระทบจากการปลูกฝิ่นในอาฟกานิสถาน โดยกลายเป็นศูนย์กลางของการขนย้ายฝิ่นจากอาฟกานิสถาน ด้วยเหตุผลด้านภูมิศาสตร์
คุณจักรพันธ์ ยุวรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายการทูตแห่งสถานเอกอักราชทูตไทย ประจำ กรุงอิสลามมาบัด ปากีสถาน เล่าให้วีโอเอภาคภาษาไทยฟังว่า อาฟกานิสถานที่เป็นผู้ผลิตฝิ่นรายใหญ่ที่สุดของโลกนำหน้าพม่าไปแล้ว เพราะรัฐบาลทหารพม่าปราบปรามการปลูกฝิ่นหนักทำให้ปริมาณการผลิตลดลงและปากีสถานนี่ติดกับอาฟกานิสถานโดยเฉพาะเมืองเปชาวา จึงเป็นการง่ายมากที่เขาจะลำเลียงเข้ามาและขนส่งต่อทางอากาศจากที่ละฮอร์หรือที่กรุงอิสลามบัด เพราะค่อนข้างใกล้เปชาวา และจากที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่กระ ทรวงต่างประเทศของเราและทางป.ป.ส. ก็คือว่าหลังจากที่ขนยาเสพติดเหล่านี้ออกไปแล้ว จะใช้เส้นทางทางรถยนตร์ข้ามเข้าไปทางอินเดีย แล้วก็ส่งต่อไปที่จีน เข้าไปทาง มณทลทางใต้ของจีน
คุณจักรพันธ์คิดว่า จีนก็เป็นแหล่งผู้บริโภครายใหญ่เหมือนกัน ในปีที่ผ่านมามีคนไทย 17 ราย ถูกจับที่จีนข้อหาขนยาเสพติดจากอาฟกานิสถานเข้าอินเดียและเข้าไปที่จีน
คุณจักรพันธ์กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีคนไทยที่ยังอยู่ในคุกของปากีสถานประมาณ 4 ราย โดยแบ่งเป็นชายสองรายและหญิงสองราย โดยในเคสปกติที่ผ่านมาส่วนมากพบว่ามีหญิงชายไทยจำนวนพอสมควรถูกล่อลวงโดยชาวปากีสถาน หรือชาวอาฟฟริกา โดยส่วนใหญ่จะรู้จักกันในบริเวณย่านสุขุมวิทซอย 3 ที่มีชาวปากีสถานและ แอฟฟริกาอยู่เยอะและผู้หญิงไทยเหล่านี้จะทำอาชีพค้าประเวณีมาก่อนแล้ว และเมื่อไปรู้จักกับชาวปากีสถานหรือ ชาวแอฟฟริกาแล้วก็ได้รับการชักชวน จากให้มาเที่ยวปากีสถาน โดยจะให้ตั๋วฟรีมาเที่ยวแล้วพอขากลับจะฝากกระเป๋ากลับไปด้วยอีกหนึ่งใบ โดยกระเป๋านั้นจะถูกบรรจุเฮโรฮีน กรณีทั้งหมดที่พบก็คือถูกจับที่สนามบินขาออกโดยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองปากีสถาน เขาจะเช็คเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้หญิิงไทยที่เดินทางคนเดียว คือมาคนเดียวไปคนเดียว ไม่มีใครไปด้วยที่เจอรายหนึ่งเป็นหญิงไทยที่ถูกจับ พร้อมกับหญิงชาว อินโดนีเซียคนหนึ่ง ส่วนมากที่พบคือเป็นเส้นทาง ที่ออกไปทางดูไบเพื่อไปต่อเครื่องหรือจะไปต่อที่มาเลเซีย ยังไม่พบที่เข้าโดยตรงไปที่เมืองไทยเพราะอาจจะเป็นที่สังเกตได้ง่ายของเจ้าหน้าที่ ต.ม.ไทยในกรณีผู้หญิงไทยเดินทางคนเดียวจากปากีสถาน
ที่อาฟกานิสถานมีคนไทยสองคนจำคุกที่นั่น และถ้ามีโอกาสทางสถานทูตก็จะไปเยี่ยม ที่ทราบก็คือว่าคุกอาฟกานิสถานน่าจะแร้นแค้นกว่า
ส่วนจะมีโอกาสขอส่งตัวกับไปจำคุกที่เมืองไทยแทนหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มีเพราะว่าทางไทยกับอาฟกานิสถานไม่มีเรื่องข้อแลกเปลี่ยนการส่งตัวนักโทษ แต่อาจจะต้องทำเป็นกรณีๆไป แต่ในตอนนี้เรายังไม่ได้ดำเนินการใดใดในส่วนของเรื่องนี้
คุณจักรพันธ์พูดถึงการรณรงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงไทยตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ายาเสพติดในเอเชียใต้ว่า ต้องมีการประชาสัมพันธ์ในทุกระดับ ทางกรมการกงศุลเองก็มีการติดแผ่นป้ายประกาศเตือนก่อนไปเที่ยวเดินทางจะเตือนระบุชัดเจนว่าให้ระมัดระวังเรื่องการตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะแค่ปากีสถาน ในประเทศพัฒนาแล้วก็มี เช่นที่ญี่ปุ่น ที่อเมริกาก็เป็นไปได้ที่คนไทยอาจจะถูกหลอกให้ขนยาเสพติด ดังนั้นไม่น่าจะเจาะจงเป็นประเทศแต่ควรจะประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ว่าอย่าไปหลงคารมใครง่ายๆ และอย่าไปรับจ้างไปขน เพราะว่ากฏหมายในทุกประเทศก็แรงเหมือนกันหมด