มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิ้ลยู บุช จะคืนเงินภาษีให้แก่ประชาชนอเมริกันรวมมูลค่า 1 แสน 5 หมื่นล้านดอลล่าร์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้ในระดับปานกลางถึงระดับต่ำ
ผู้สื่อข่าววีโอเอภาคภาษาไทยมีรายงานการสำรวจความคิดเห็นของผู้สูงอายุหลายคน เกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของรัฐบาล
จากการพูดคุยสอบถามผู้สูงอายุชาวอเมริกันหลายคน พบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ต่างกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ขาลงของเศรษฐกิจสหรัฐว่าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกตนอย่างไร ผู้สูงอายุบางคนอย่างเช่นคุณยาย Mary Ann Hutton วัย 77 ปี ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว เล่าว่ายังจำเรื่องราวครั้งนั้นได้ดี เป็นช่วงที่มีคนตกงานมากมายเป็นเวลานับ 10 ปี คนยากคนจนมีอยู่เต็มไปหมดและตลาดหุ้นก็ร่วงดิ่งลงเหว คุณยายซึ่งเวลานี้เกษียณจากอาชีพคุณครูแล้ว คิดว่าเธอจะสามารถเอาตัวรอดผ่านภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงนี้ไปได้แน่ๆ แต่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในปัจจุบันไปพอสมควร
คุณยาย Mary Ann บอกว่าเวลานี้เธออาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ไม่มีเคเบิลทีวี และมีรถยนต์อยู่หนึ่งคันที่ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนักซึ่งคุณยายก็พยายามทำให้ค่าธรรมเนียมประกันรถยนต์ถูกลงกว่าเดิม เรียกว่าประหยัดแทบทุกอย่างเลยทีเดียว
รายงานการศึกษาของกลุ่มที่ปรึกษาสำหรับผู้เกษียณอายุ AARP ระบุว่าภายในปี ค.ศ.2030 จำนวนคนอเมริกันอายุมากกว่า 65 ปีจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 71 ล้าน 5 แสนคนหรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ รายงานยังบอกอีกว่าปัญหาท้าทายที่สำคัญที่สุดที่บรรดาผู้สูงอายุต้องเผชิญในช่วงเศรษฐกิจถดถอยนี้ ก็คือการแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ยังต้องรักษาสมดุลค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ให้เหมาะสมด้วย
คุณ Frank Short จากรัฐฟลอริดาซึ่งเกษียณจากงานบริษัทก่อสร้างแล้วเล่าว่า เขาสูญเสียเงินบำนาญไปมากเมื่อหุ้นตก และเวลานี้เมื่อเห็นเค้ารางภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประกอบกับการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย เขาจึงกำลังตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนเสียใหม่ ด้วยการถอนเงินออกจากตลาดหุ้นแล้วนำไปลงทุนในด้านอื่นซึ่งให้ผลตอบแทนดีกว่าและแน่นอนกว่า
ยังมีผู้สูงอายุอีกมากมายที่ต้องกินอยู่อย่างกระเบียดกระเสียรในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้นะครับ คุณยาย Caroline Boston วัย 80 ปีอดีตเลขานุการจากกรุงวอชิงตัน เป็นอีกคนที่ต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ เธอมีรายได้จากเงินบำนาญเดือนละ 1,400 ดอลล่าร์และมีค่าใช้จ่าย 1,100 ดอลล่าร์ต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีค่ายาต่างๆ เรียกว่าแต่ละเดือนนั้นแทบจะไม่มีเงินเหลือเก็บเลยก็ว่าได้
คุณยายบอกว่าก่อนเกษียณก็มีเงินเหลือเก็บอยู่บ้างเล็กน้อยไว้ใช้ในช่วงบั้นปลาย แต่เมื่อเกิดเงินเฟ้อ ราคาของแพง เงินส่วนนั้นก็ร่อยหรอ จึงต้องประหยัดมากขึ้น จากที่เคยไปดูหนังเดือนละ 2 เรื่องก็เหลือเพียง 2 เดือนเรื่อง จากที่เคยกินข้าวนอกบ้าน ตอนนี้ก็ต้องงด
คุณยาย Caroline ก็เหมือนกับผู้สูงอายุชาวอเมริกันคนอื่นๆ ที่ห่วงว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวครั้งนี้จะส่งผลต่อลูกหลานของตนอย่างไร ผู้สูงอายุเหล่านี้ได้แต่หวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของรัฐบาลคงจะพอช่วยเยียวยาคนที่เดือดร้อนจำนวนมากได้บ้าง และภาวนาให้เศรษฐกิจอเมริกากลับฟื้นตัวสู่ความรุ่งเรืองได้โดยเร็ว