ปัจจุบันผู้บริโภคชาวอเมริกัน เริ่มหันมาให้ความสนใจในเสื้อผ้าแบบสั่งตัดกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษ คุณสุรศักดิ์ เรียงเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ค ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ผู้ตัดเย็บเสื้อผ้าในประเทศไทย ได้มีโอกาสขยายตลาดมาสู่ผู้บริโภคอเมริกัน
ตลาดอเมริกา ปัจจุบันนี้เป็นที่หมายปองของผู้ผลิตและผู้ส่งออกทุกๆ ประเทศ แล้วก็จะแย่งกันส่งออกมา มีสินค้าแข่งกันเรื่องราคาเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันที่มีรายได้ดี ก็หันไปหาสิ่งอื่นๆ ซึ่งเหนือกว่า พิถีพิถันกว่า และมีความเป็นเอกลักษณ์เป็นของตนเองไม่ซ้ำแบบใคร ก็เลยทำให้เสื้อผ้าที่สั่งตัดเป็นพิเศษ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเขตแมนฮัตตั้น นิวยอร์ค
เมื่อก่อนเรามีการสำรวจกันว่า ส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าประเภทนี้มีประมาณแค่ร้อยละ 3 เอง แต่ว่าเมื่อปีที่แล้วกลับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดว่าปี 2008 นี้ ก็น่าจะขึ้นถึงร้อยละห้าร้อยละเจ็ด ซึ่งทางสำนักงานฯ ก็พยายามว่าเป็นโอกาสดี และมีศักยภาพที่เราจะแนะนำและส่งเสริมให้ผู้ผลิตไทยเข้ามาสู่ตลาดนี้
ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ค ระบุว่าประเทศไทยเรื่องฝีมือไม่เคยเป็นรองใคร อาจจะมีปัญหาบ้างในการแข่งขันเรื่องของราคา เรื่องของค่าจ้างแรงงาน ถ้าไทยจะส่งมาเหมือนกับที่เรียกว่าขายเหมาโหล ก็จะพอสู้ได้บ้าง แต่ว่ากำลังการต่อสู้ของเราก็เริ่มลดลง เนื่องจากมีประเทศใหม่ๆ ซึ่งมีราคาแข่งขันดีกว่า เพราะฉะนั้นเรื่องของการสั่งตัดดีมาก ที่จะเหมาะกับประเทศไทย เพราะไทยพิถีพิถัน มีฝีมือ การสนใจที่จะมาเข้าสู่ธุรกิจนี้ง่ายมาก คือติดต่อกับทางกรมส่งเสริมการส่งออก ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงานได้พยายามส่งข้อมูลกลับไปกรุงเทพฯ อาจจะรวมกันเป็นกลุ่ม หรือสมาคม ซึ่งสมาคมตัดเย็บเสื้อผ้า ของประเทศไทย ส่งตัวแทนมาที่นิวยอร์ค หรือว่าจ้างคนท้องถิ่นมาเปิดออฟฟิศเล็กๆ หรือโฆษณาในหนังสือ พิมพ์ เปิดเป็นเว็บไซต์ และจ้างเหมือนกับเป็นเซลสแมน หรือมาร์เก็ตติ้งทีม เข้าไปตามสถาบันต่างๆ ตามลูกค้า และหาออร์เดอร์เข้ามาส่งให้ที่เมืองไทยผลิตแล้วก็ส่งกลับมา ก็ใช้เวลาประมาณสิบวันสิบห้าวัน แล้วก็มีออฟฟิศเล็กๆ หรือว่าเขาเรียกว่าอินเฮ้าส์มาแก้ไข ดัดแปลงนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งจะเป็นไปได้มาก
ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ค มีข้อแนะนำว่า การใช้การเข้าสู่ธุรกิจ ต้องมีความรู้เข้าไปด้วย คือแนะนำลูกค้า แล้วเราต้องติดตามแฟชั่นอย่างใกล้ชิด และใช้จิตวิทยาค่อนข้างสูง เพราะร้อยละ 90 ของลูกค้าจะเป็นพวกที่มีสตางค์ และมีกำลังซื้อสูง จะต้องเอาใจใส่ ต้องดูแล ที่่อย่าลืมคือเรื่องกฏหมาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเรามีสำนักงานกฎหมายต่างๆ คอยดูแลอยู่ แล้วก็ศึกษาการเปลี่ยน แปลงของตลาด ดูแลเรื่องเทคโนโลยี การควบคุมราคา ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ และมีความเป็นไปได้สูง