การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียยังคงสูงอย่างเป็นที่น่าทึ่งอยู่ต่อไปในปีค.ศ. 2007 สัญญาณบ่ง บอกความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของอินเดีย มีให้เห็นทั่วไปตามชานเมืองใหญ่ๆ ผู้คนจับจ่ายใช้สอย กันอย่างหนาแน่นตามศูนย์การค้า ในขณะที่การก่อสร้างถนนหนทางดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรองรับ จำนวนรถยนต์ที่ชนชั้นกลางซื้อหามาใช้กันอย่างรวดเร็ว
แม้นักวิเคราะห์จะบอกว่า อัตราการโตของเศรษฐกิจในปี 2007 จะต่ำกว่าของปีก่อนหน้านั้นเล็กน้อย แต่ เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการโตของประเทศอื่นๆในโลกแล้ว 8% ของอินเดียก็นับว่ารวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่ง
นักลงทุนทั้งจากต่างประเทศ และในอินเดียเอง ไปชุมนุมกันตามเมืองใหญ่อย่างเช่น มุมไบและบังกาลอร์ เฉพาะในปีที่แล้ว ประมาณว่าการลงทุนจากต่างประเทศในอินเดียสูงราวๆ สามหมื่นล้านดอลล่าร์
ตลาดหลักทรัพย์ของอินเดียสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในปี 2007 ดัชนี Sensex ของมุมไบ ยืนอยู่ที่สองหมื่นกว่าจุดเมื่อตอนสิ้นปี
ภาคธุรกิจที่นำหน้าในการโต คือ การผลิตสินค้าและบริการ และบริษัทอินเดียมีความเชื่อมั่นพอที่จะเริ่มลงทุน ในต่างประเทศแล้วด้วย
คุณ T.K. Bhaumik นักเศรษฐศาสตร์ของ Reliance Industries ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมของอินเดียกล่าวว่า บริษัทอินเดียซื้อธุรกิจในต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าเกือบห้าหมื่นล้านดอลล่าร์
นักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้กล่าวว่า บรรดาบริษัทใหญ่ๆกำลังพยายามขยายงานไปต่างประเทศ อยากจะเป็นผู้มีบทบาท ในระดับโลก และมีความเชื่อมั่นกันว่า มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้
แต่แม้จะมองการณ์กันในทางดี ก็มีข้อควรระวังไว้ด้วย ค่าเงินรูปีที่เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์ในปี 2007 ทำให้มีความวิตกว่า อาจส่งผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร และลดการส่งออกได้
ในขณะเดียวกัน มีสัญญาณบ่งบอกให้เห็นน้อยมาก ว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ขณะนี้ กระจายลงไป ถึงชาวบ้านที่ยากจนในหลายๆส่วนของประเทศ
ประมาณกันว่า ชาวอินเดียมากกว่าหนึ่งในสามของประชากรทั้งประเทศที่มีอยู่หนึ่งพันล้านคน ยังดำรงชีวิตประจำวัน ด้วยรายได้ที่ต่ำกว่า 70 บาทต่อวัน
ความแตกต่างไม่เท่าเทียมกันที่กำลังเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ระหว่างเขตนาครกับชนบทอาจก่อให้เกิดปัญหา ทางสังคมได้ต่อไปในอนาคต