เร็วๆ นี้ หลายประเทศจะมารวมตัวกันที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อถกอภิปรายเกี่ยวกับวิธีรับมือ กับปัญหาภาวะโลกร้อน และและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม อินโดนีเซียเองก็มีความพยายามใน เรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าววีโอเอ Amelia Collins มีรายงาน จากหมู่เกาะ Pramuka ที่อยู่ใกล้ๆ กับกรุง จาการ์ตา ว่ามีชายคน หนึ่งซึ่งต่อสู้เพื่อปกป้องเต่ากระ ที่กำลังจะสูญพันธุ์มาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี
น้ำในอ่าวจาการ์ตาเกิดมลพิษอย่างหนัก ผู้คนในเมืองราว 12 ล้านคนต่างทิ้งขยะมูลฝอยลงสู่ลำคลองที่ไหลตัด กันในตัวเมือง ก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล การศึกษาฉบับหนึ่งระบุว่า ระบบนิเวศวิทยา ในอ่าวนี้กำลังจะดับสูญ
แต่ห่างออกไปจากกรุงจาการ์ตา ด้วยการเดินทางด้วยเรือเร็วเพียง 1 ชั่วโมง น้ำครำสก ปรกกลายเป็นน้ำทะเล สีฟ้าใสสะอาดรอบๆ หมู่เกาะ PRAMUKA
ที่เกาะแห่งนี้ คุณซาลิม ชายวัย 57 ปี กำลังพยามปกป้องเต่ากระ ซึ่งแต่ก่อนเคยมีอยู่มาก มาย แต่ตอนนี้กำลัง จะสูญพันธุ์ คุณซาลิมเริ่มต้นชีวิตในแต่ละวันของเขา ด้วยการเตรียมอาหารให้เต่า
คุณซาลิมอธิบายว่าในการให้อาหารเต่านั้น จะนำปลาตัวเล็กชนิดใดก็ได้มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เต่ากิน และจะ ให้ อาหารเต่าวันละ 2 มื้อ
เมื่อ 20 ปีก่อน เต่ากระวางไข่ทั่วไปหมดทั้งเกาะ แต่มาตอนนี้พบรังไข่เต่าเพียง 3 แห่งใน 110 หมู่เกาะ ซึ่งเป็น ผลมาจากมลภาวะที่เป็นพิษ และการล่าสัตว์
ในการที่จะอนุรักษ์สายพันธุ์นี้ไว้ คุณซาลิมจะเก็บไข่เต่าจากรัง แล้วนำไปใส่ไว้ในถังน้ำ ขนาดมหึมาจนกระทั่ง เต่าเจริญเติบโต และแข็งแรงพอที่จะนำไปปล่อยลงทะเล
คุณซาลิมบอกด้วยว่า มีผู้คนกว่า 20,000 คนอาศัยอยู่ตามอุทยานใน 6 หมู่เกาะ เพื่อคอยปกป้อง เต่ากระ และว่า การใช้ชีิวิตของมนุษย์เป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงอย่างหนึ่งของเต่ากระ ผู้คนมักไม่มี ความระมัดระวัง บ้างก็หยิบไข่เต่าไป และยังมีเต่าที่ตายอยู่ในตาข่ายจับปลาด้วย ดังนั้นมนุษย์จึงเป็นนักล่าที่เป็นอันตรายที่สุด สำหรับเต่า ไม่ใช่นกอินทรีย์ หรือว่าตัวตะกวด
แม้ว่าคุณซาลิมจะทุ่มเทชีวิตของเขา ในการพยายามที่จะปกป้อง และสงวนเต่ากระไว้ ให้คนรุ่นต่อๆ ไป แต่บรร ดาผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่คิดว่าเต่าเหล่านั้นจะสามารถมีชีวิตยืนยาวต่อไปได้ เพราะว่าอยู่ใกล้กับน้ำสกปรก ในกรุง จาการ์ตาเหลือเกิน
