สถานการณ์ด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น ล่าสุด นายโมฮาเหม็ด เอลบาราเดย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศบอกว่า ยังมีเวลามากพอที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในเรื่องโครงการพัฒนาพลังงานปรมาณูของอิหร่าน และวิธีการที่ดีที่สุดคือการเจรจาทางการทูต
ผู้อำนวยการองค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศบอกว่าเวลานี้ อิหร่านยังไม่มีศักยภาพพอที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ ดังนั้นเป้าหมายสำคัญในตอนนี้คือการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองในอนาคต หรือเพื่อรับรองว่าอิหร่านจะใช้พลังงานปรมาณูในทางสันติเท่านั้น
และนายโมฮาเหม็ด เอลบาราเดย์ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ช่อง CNN ว่า ก่อนหน้านี้มีหลักฐานระบุว่าอิหร่านดำเนินการสั่งสมพลังงานปรมาณูโดยที่ไม่ได้รายงานต่อสหประชาชาติ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่ามีโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างเต็มรูปแบบในอิหร่านแต่อย่างใด
ทางด้านอิหร่านยืนยันว่าโครงการปรมาณูที่มีอยู่นั้นมีเป้าหมายในทางสันติคือเพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เท่านั้น แต่ทางสหรัฐเตือนว่าโครงการของอิหร่านอาจมีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อการสั่งสมอาวุธอำนาจทำลายล้างสูง โดยประธานาธิบดีจอร์จ W บุช กล่าวว่าหากอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ก็อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้
แต่ความเห็นของผู้นำสหรัฐถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายนะครับ นายคาร์ล เลวิน วุฒิสมาชิกจากรัฐมิชิแกน ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายกำลังรบของวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวในรายการโทรทัศน์ช่อง CBS ว่ารัฐบาลอเมริกันควรลดท่าทีและคำพูดที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับโครงการปรมาณูของอิหร่านลง อย่างไรก็ตาม นายเลวินสนับสนุนให้สหรัฐกำหนดมาตรการลงโทษอิหร่าน ในขณะที่นาย Lindsey Graham วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์ แคโรไลน่า หนึ่งในคณะกรรมาธิการฝ่ายกำลังรบของวุฒิสภาบอกว่า ควรมีการดำเนินการทางการทูตอย่างเข้้มแข็งเพื่อควบคุมอิหร่านต่อไป
วุฒิสมาชิกเกรแฮมบอกว่าการดำเนินงานของสหประชาชาติในเรื่องดังกล่าวยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และรัสเซียก็ไม่ให้ความร่วมมือในการลงโทษอิหร่าน นายเกรแฮมยังบอกอีกว่าท่าทีและคำกล่าวของผู้นำสหรัฐเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้นสมเหตุสมผล เพราะจนถึงขณะนี้เวลาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเหลืออยู่ไม่มากแล้ว