ลิ้งค์เชื่อมต่อ

โครงการ Slum TV ในเคนย่า


กรุงไนโรบี เมืองหลวงของเคนย่านั้นมีสลัมขนาดใหญ่มากมาย และมีประชากรที่อาศัยอยู่ในสลัมเหล่านั้นถึงกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน สลัมบางแห่งไม่มีแม้แต่ไฟฟ้า ดังนั้น เมื่อมี Slum TV เกิดขึ้น ผู้คนในสลัมโดยเฉพาะเด็กๆต่างพากันตื่นเต้นยินดี

คุณผู้ฟังคงเคยเห็นจอหนังกลางแปลงที่ฉายตามงานวัดต่างๆ Slum TV ก็คือจอหนังสีขาวขนาดใหญ่ นำมาตั้งไว้ในสลัมในเคนย่า แต่ที่ฉายผ่านจอผ้าใบนั้นไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ผลิตโดยบริษัทผู้สร้างรายใหญ่ที่ไหน แต่เป็นเรื่องราวในชุมชนแออัดแห่งนั้นและชุมชนใกล้เคียงที่บันทึกไว้ผ่านกล้องวีดีโอ อาจจะเป็นภาพคนทำขนม แม่ให้นมลูก หรือแม้แต่คนฉกชิงวิ่งราว พอตกค่ำ เรื่องราวต่างๆเหล่านั้นจะถูกฉายผ่านจอผ้าใบให้คนในสลัมดูเหมือนกับนั่งดูหนังกลางแปลงที่บ้านเรายังไงยังงั้นเลย

โครงการ Slum TV นี้เริ่มฉายครั้งแรกเมื่อเร็วๆนี้ที่สลัมโคโรโกโจ ซึ่งเป็นชุมชนที่น้อยคนจะมีไฟฟ้าใช้หรือมีทีวีดู และไม่นานนี้ ตำรวจเคนย่าเพิ่งจะตัดไฟตัดน้ำในสลัมตามมาตรการกำจัดกลุ่มอาชญากรในกรุงไนโรบี แต่คนที่รับเคราะห์ส่วนใหญ่ก็คือประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กที่ปกติก็แทบจะไม่มีกิจกรรมความบันเทิงอะไรในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

Peter Ndolo หนึ่งในจนท.โครงการ Slum TV บอกว่าโครงการนี้จะช่วยเปิดโลกให้เด็กๆและผู้คนในสลัมโคโรโกโจซึ่งแทบจะไม่เคยออกนอกสลัมที่แออัดยัดเยียดแห่งนี้ ได้มีโอกาสรับรู้โลกภายนอก รับรู้เรื่องราวของชุมชนอื่นๆ และได้เห็นการทำธุรกิจในสลัมต่างๆ

องค์การสหประชาชาติประเมินว่าปัจจุบันมีประชากรโลกราว 1 พันล้านคนอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด และ Slum TV คือหนทางแห่งความบันเทิงแบบหนึ่งที่พอจะมีได้ในสลัมต่างๆ ขณะนี้โครงการนี้กำลังรุดหน้าไปด้วยดี ที่โคโรโกโจนั้น บางทีฝูงชนก็พากันหัวเราะชอบใจ หรือบางทีก็เงียบตั้งใจฟังเรื่องราวในวีดีโอราวกับต้องมนต์เลยทีเดียว

Irene Senna เด็กหญิงอายุ 15 ปีละความสนใจจากจอหนังชั่วคราวเพื่อมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า เธอเรียนรู้อะไรมากมายจากเรื่องราวในวีดีโอ เห็นความเป็นไปในอีกฟากหนึ่งของชุมชน และเห็นผู้คนทำนู่นนี่ซึ่งบางทีก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลย

โครงการสลัมทีวีได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ และมีอาสาสมัคร หลายคนที่อาสาเข้ามาถ่ายวีดีโอให้เพื่อเป็นประสบการณ์ในการทำงานในอนาคต หนึ่งในอาสาสมัครคนหนึ่งคือ Sam Hopkins ศิลปินชาวเคนย่าซึ่งยอมรับว่า สลัมทีวีเป็นมากกว่าความบันเทิงสำหรับชุมชน เพราะยังเป็นแหล่งสอนความรู้ให้แก่เด็กที่ไม่ได้ไปโรงเรียน เป็นโครงการฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตให้เรียนรู้การทำงานใหม่ๆ รวมทั้งยังเป็นเสมือนบันทึกวิถีชีวิตประจำวันของคนในสลัม เป็นหลักฐานที่ช่วยเตือนว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งในชุมชน

เมื่อหนังจบ แม้เด็กๆจะยังสนุกสนานและอยากดูอีก แต่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็ต้องพากันแยกย้ายกลับบ้าน เพราะไม่ว่าใครก็ทราบดีว่า สลัมในตอนกลางคืนนั้นอันตรายแค่ไหน อย่างไรก็ตาม Peter Ndolo บอกว่าอย่างน้อยเวลานี้เขาก็เรียนรู้แล้วว่า วิธีที่ดึงความสนใจของเด็กในสลัมนั้นทำอย่างไรนะครับ เขาบอกว่ามีความสุขที่เห็นเด็กๆสนุกสนาน หัวเราะชอบใจกับเรื่องราวตลกๆ และเรื่องตลกนั่นเอง ที่เป็นช่องทางสำคัญที่สามารถใช้ส่งผ่านข้อความที่ต้องการสื่อถึงเด็กๆเหล่านั้น

XS
SM
MD
LG