ลิ้งค์เชื่อมต่อ

การวิจัยเรื่องไข้หวัดนก


คณะนักวิจัยนานาชาติกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า ได้ค้นพบสิ่งที่ทำให้เชื้อไวรัสไข้หวัด นกทำให้คนไข้เป็น อันตรายถึงชีวิต นักวิจัยพบว่าโรคนี้ส่งผลต่ออวัยวะส่วนต่างๆ หลายอย่าง นอกเหนือจากปอด และยังสามารถทำให้ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาเสียชีวิตได้อีกด้วย

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเชื้อไวรัส H5N1 ที่ทำให้เป็นไข้หวัดนกนั้น เป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดอย่าง หนึ่งต่อสุขภาพของผู้คน ตั้งแต่ปี คศ.2003 มีคน 277 คนใน 10 ประเทศที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก และ 60% จากจำนวนดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้ว

นักวิจัยพยายามคิดค้นพัฒนาวัคซีนต่อต้านไวรัสไข้หวัดนก เพื่อป้องกันโรคนี้ และใช้รักษาผู้ที่ติดเชื้อ

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เอียน ลิพคิน แห่งภาควิชาประสาทวิทยาและพยาธิวิทยา มหาวิทยาลัย โคลัมเบีย ในนครนิวยอร์ค ผู้ร่วมศึกษาศพ 2 ศพที่เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดนกกล่าวว่า ยังไม่ทราบแน่ ชัดว่าเชื้อไวรัส H5N1 สร้างความเสียหายแก่ร่างกายมนุษย์ส่วนใดบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือไข้หวัดนกส่งผล โดยตรงต่อปอด ทำให้เป็นอันตรายอย่างร้ายแรง และว่านอกจากปอดแล้ว นักวิจัยพบว่าเชื้อไวรัส H5N1 ลุกลามไปสู่ระบบลำไส้ และยังพบการติดเชื้อในสมอง และในระบบสืบพันธุ์ด้วย

ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียผู้นี้กล่าวว่า นักวิจัยพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในรกและในทารก ในครรภ์ของผู้ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ดังนั้นเขาสรุปว่าทารกที่ยังไม่เกิดก็สามารถติดเชื้อ ได้เช่นกัน

ศาสตราจารย์ลิพคินกล่าวว่า การที่เชื้อไวรัส H5N1 สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อร่างกายมนุษย์ นั้น อาจเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกใช้งานมากเกินไป หรือที่เรียกกันว่า “cytokine storm” ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับการคิดค้นพัฒนาวิธีการรักษาโรคนี้

ศาสตราจารย์เอียน ลิพคิน บอกว่า นักวิจัยอาจสามารถค้นพบวิธียับยั้งและควบคุมความเสียหายจาก โรคไข้หวัดนกได้ ด้วยการมุ่งศึกษาเรื่องภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ไม่ใช่ศึกษาที่ตัวไวรัสเพียงอย่างเดียว

การศึกษาเรื่องนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสารการแพทย์ระหว่างประเทศ The Lancet

XS
SM
MD
LG