ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รายงานประจำปีของ องค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน Human Rights Watch


องค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน Human Rights Watch ตำหนิสหรัฐที่ทรมานและคุมขังผู้ต้องสงสัย โดยไม่นำตัวขึ้นศาลดำเนินคดี และว่าสหรัฐไม่สามารถจะเป็นผู้นำโลกในเรื่องสิทธิมนุษยชน รายงานประจำปีฉบับนี้ยังตำหนิประเทศอื่นๆ รวมทั้งจีน รัสเซีย และสหภาพยุโรปด้วย

คุณ Kem Roth ผู้อำนวยการบริหารของ Human Rights Watch กล่าวตำหนิสหรัฐเป็นพิเศษ โดยกล่าวว่า สหรัฐสูญเสียความเป็นที่น่าเชื่อถือในฐานะที่บทนำในเรื่องสิทธิมนุษยชนในโลก

ผู้อำนวยการบริการของ Human Rights Watch กล่าวว่า การจะไปเที่ยวสั่งสอนใครๆ โดยที่ตนเอง ไม่ทำนั้น จะไม่มีใครให้ความเชื่อถือ สหรัฐอาจจะยังพูดเรื่องประชาธิปไตยได้อย่างกว้างๆ หรือพยายามช่วยจำกัดความโหดร้ายทารุณใน Darfur ได้ แต่จะไม่มีใครให้ความเชื่อถือ ถ้าสหรัฐจะรณรงค์

ต่อต้านการทรมานผู้ต้องสงสัย การหายตัวของผู้ต้องสงสัย หรือการควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อหา ดำเนินคดี เพราะทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่สหรัฐได้กระทำไป นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนผู้นี้ยกค่ายกักกันผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายของสหรัฐที่อ่าว Guantanamo บนเกาะคิวบามาเป็นตัวอย่างว่า เป็นที่ที่ผู้ถูกคุมขังถูกทรมาน และถูกคุมขังมาเป็นเวลาหลายปีแล้วโดยไม่มีทางต่อสู้แก้ไขได้ แต่พลเรือตรี Harry Harris ผู้บัญชาการค่ายกักกันที่ Guantanamo บอกกับ Voice of America ว่า ผู้ถูกคุมขังจำนวนเกือบ 400 คน ถูกจับมาจากสนามรบ และอาจเป็นผู้ก่อการร้าย และว่าคนเหล่านั้นได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และอย่างมีศีลธรรม นอกจากสหรัฐแล้ว เจ้าหน้าที่ของHuman Rights Watch ผู้นี้ระบุว่ายังมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในอีกหลายประเทศ

คุณ Kem Roth ผู้อำนวยการบริหารของ Human Rights Watch กล่าวว่ายังมีระบบเผด็จการที่กดขี่ปราบปรามอยู่ในเกาหลีเหนือ พม่า Turkmenistan และในสังคมปิดอย่างเช่นเวียตนาม ซาอุดิอเรเบียและซีเรีย และการปราบปรามจำกัดการทำงานขององค์กรที่ไม่ใช่องค์การรัฐบาลหรือ NGO อย่างในรัสเซีย อียิปต์ และอิหร่าน รวมทั้งการถอยหลังเข้าคลองในจีน

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยนั้น รายงานประจำปีของ Human Rights Watch ที่เพิ่งเผยแพร่ออก มา พูดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงปี คศ. 2006 ซึ่งรวมถึงปัญหาในภาคใต้ บัญชีดำ การหายตัวของผู้คนโดยเฉพาะในภาคใต้ และในกรณีของนายสมชาย นีละไพจิตร และการปฏิวัติเมื่่อวันที่ 19 กันยายน รายงานของ Human Rights Watch ในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทย กล่าวถึงคำสั่งห้ามการ ชุมนุมของบุคคลที่มากกว่า 5 คนขึ้นไป และเสรีภาพของสื่อ และทบทวนคำพูดของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ต่อนักการทูตต่างประเทศเมื่อเดือนตุลาคมที่ว่า รัฐบาลไทยอาจออกบัตรประจำตัวให้กับผู้ลี้ภัยจากพม่าในไม่ช้า เพื่อว่าคนเหล่านี้จะสามารถออกไปทำงานนอกค่ายผู้ลี้ภัยได้ถูกต้องตามกฏหมาย

และแม้ว่าโครงการต่อต้านเชื้อไวรัส HIV และโรคเอดส์จะช่วยป้องกันการติดเชื้อให้กับผู้คนได้มากกว่า 200,000 คน ในขณะที่โครงการยาต้านเอดส์จะเป็นที่ยอมรับว่าเป็นแม่แบบให้กับประเทศอื่นๆ ก็ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่อยู่ในข่ายความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัส HIV และเป็นเอดส์ รวมทั้งผู้ที่เสพยา นักโทษและผู้อพยพ คนเหล่านี้เผชิญอุปสรรคสำคัญในการขอรับการป้องกัน และการบำบัดรักษา

XS
SM
MD
LG