นายจ้างชาวอังกฤษหลายสิบรายที่ทดลองใช้นโยบายการทำงานแบบสี่วันต่อสัปดาห์ ส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะใช้นโยบายนี้ต่อไป หลังจากที่โครงการนำร่องนี้ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ พนักงานในบริษัท 61 แห่งทั่วอังกฤษทดลองใช้นโยบายการทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ โดยทำงานเฉลี่ย 34 ชั่วโมง ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงธันวาคมเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รับเงินเดือนเท่าเดิม
ในจำนวนดังกล่าว มี 56 บริษัทหรือ 92% เลือกที่จะดำเนินนโยบายนี้ต่อไป โดย 18 บริษัทในจำนวนนี้เปลี่ยนไปใช้นโยบายนี้เป็นการถาวร
การทดลองใช้นโยบายดังกล่าวในประเทศอังกฤษนับเป็นการทดลองครั้งใหญ่ที่สุดในโลก อ้างอิงจาก Autonomy องค์กรวิจัยในอังกฤษ ซึ่งเผยแพร่รายงานร่วมกับกลุ่มนักวิชาการและได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม 4 Day Week Global ในประเทศนิวซีแลนด์
แม้ว่าการค้นพบนี้อาจเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับบริษัทที่พยายามเฟ้นหาบุคลากรที่มีความสามารถ แต่การสำรวจอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่ามีนายจ้างชาวอังกฤษเพียงไม่กี่รายที่วางแผนจะใช้นโยบายการทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ในเร็ววันนี้
การทดลองของ Autonomy ครอบคลุมพนักงานจำนวน 2,900 คนในภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่บริษัทการเงิน Stellar Asset Management ไปจนถึงบริษัทผู้ผลิตดิจิทัล Rivelin Robotics และร้านขายปลาและมันฝรั่งทอดในเมืองชายฝั่ง Wells-next-the-sea โดยส่วนใหญ่เห็นพ้องว่ายังคงรักษาผลประกอบการไว้ได้จากการใช้นโยบายนี้
บรรดาพนักงานของบริษัทที่เข้าร่วมการทดลองกล่าวว่า ชีวิตความเป็นอยู่และความสมดุลในชีวิตกับการทำงานของตนดีขึ้น ในขณะที่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าพนักงานลาออกจากงานน้อยลงมาก อันเป็นผลมาจากการใช้นโยบายการทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ โดยพนักงานบางคนได้หยุดวันพุธ ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้มีวันหยุดสุดสัปดาห์สามวัน
โจ ไรล์ (Joe Ryle) ผู้อำนวยการโครงการรณรงค์ 4 Day Week Campaign กล่าวในแถลงการณ์ว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานสัปดาห์ละสี่วัน
พอล โอลิเวอร์ (Paul Oliver) หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Citizens Advice Gateshead กล่าวว่า การรักษาตำแหน่งงานและการรับพนักงานใหม่ ตลอดจนอัตราการลาป่วยของพนักงานดีขึ้นในระหว่างการทดลองนี้ นอกจากนี้พนักงานยังสามารถทำงานได้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลงอีกด้วย
สำหรับพนักงานบางคนแล้ว การที่มีวันหยุดพิเศษเพิ่มขึ้นหนึ่งวันมีความสำคัญมากกว่าค่าจ้าง โดย 15% กล่าวว่าตนจะไม่กลับไปทำงานห้าวันต่อสัปดาห์อีกไม่ว่าจะเพิ่มค่าแรงให้มากแค่ไหนก็ตาม
บรรดานายจ้างจากภาคการตลาดและการโฆษณา ภาคการบริการระดับมืออาชีพ และภาคการกุศลเป็นตัวแทนของบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมการทดลองมากที่สุด ผู้เข้าร่วมประมาณ 66% มีพนักงาน 25 คนหรือน้อยกว่านั้น ในขณะที่ 22% มีพนักงาน 50 คนขึ้นไป และอีก 11% เป็นบริษัทที่ไม่แสวงหาผลกำไร
การทดลองนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการทำงานของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อมีการพักงานและช่วงเวลาที่ต้องทำงานจากที่บ้าน ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าพวกเขาจำเป็นต้องนั่งทำงานในที่ทำงานห้าวันต่อสัปดาห์หรือไม่
- ที่มา: รอยเตอร์
