ลิ้งค์เชื่อมต่อ

วิเคราะห์ประชุมสุดยอด 'ไบเดน-สี' อะไรคือสิ่งที่สองผู้นำต้องการ?


การประชุมสุดยอดทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง จะมีขึ้นในวันจันทร์นี้ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย นอกรอบจากการประชุมกลุ่ม จี-20 โดยคาดว่าผู้นำทั้งสองจะเน้นหารือกันเรื่องความสัมพันธ์ของสองประเทศ และสิ่งที่สหรัฐฯ เชื่อว่าเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจและการทหาร

ที่ผ่านมา บรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เน้นย้ำหลายครั้งว่า อเมริกามองจีนเป็น "คู่แข่งขัน" ไม่ใช่ "ศัตรู" และต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ

ในการหารือแบบเจอหน้ากันครั้งแรกของผู้นำสหรัฐฯ กับจีนนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว มีหลายประเด็นที่ต้องจับตามอง

สิ่งที่อเมริกาต้องการ

ในการแถลงข่าวก่อนออกเดินทางไปจากกรุงวอชิงตัน ปธน.ไบเดน กล่าวว่า ตนต้องการขีดเส้นที่ชัดเจนว่าด้วยจุดยืนของสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เป็นผลประโยชน์แห่งชาติของจีน และอธิบายส่วนที่เป็นผลประโยชน์สำคัญของสหรัฐฯ เช่นกัน

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า แม้ประธานาธิบดีไบเดนและประธานาธิบดีสีได้พูดคุยผ่านวิดีโอและโทรศัพท์กันมาแล้ว 5 ครั้งในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา แต่การบรรลุเป้าหมายนี้ได้จะต้องทำผ่านการเจรจาแบบพบกันซึ่งหน้าเท่านั้น

ภารกิจดังกล่าวมีความจำเป็นยิ่งขึ้นหลังจากที่ สี จิ้นผิง ผ่านการรับรองให้ดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นสมัยที่สามเมื่อเดือนที่แล้ว และทำให้เขามีอำนาจเพิ่มขึ้นเหนือผู้นำจีนคนใดนับตั้งแต่เหมา เจ๋อตง

ไบเดน กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ว่า ที่ผ่านมาตนเจรจากับสี จิ้นผิง อย่างตรงไปตรงมา เพื่อป้องกัน "การตีความผิด" ของความตั้งใจที่แท้จริงระหว่างกัน และว่า "เราจะหาทางทำความเข้าใจกันว่าเส้นแบ่งที่ชัดเจนอยู่ตรงไหน และอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดของทั้งสองฝ่ายในช่วงสองปีข้างหน้า"

คาดว่าประธานาธิบดีไบเดนจะส่งข้อความถึงปธน.สี เกี่ยวกับสิ่งที่ทำเนียบขาวกังวลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน และปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน ส่วนในประเด็นไต้หวัน เชื่อว่าผู้นำสหรัฐฯ จะเน้นย้ำถึงจุดยืนของอเมริกาในการปกป้องไต้หวันหากถูกจีนโจมตี

สำหรับเรื่องสงครามในยูเครน คาดว่าปธน.ไบเดน จะใช้การพบกันครั้งนี้เพื่อเร่งเร้าให้จีนเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย หลังจากที่ผ่านมาจีนยังคงเลี่ยงการตำหนิวิจารณ์รัสเซียที่ส่งกำลังทหารรุกรานยูเครน แต่ก็ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่รัสเซียเช่นกัน

สุดท้าย เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า ต้องการเห็นสหรัฐฯ และจีนทำงานร่วมกันในหลายประเด็น ตั้งแต่สุขภาพ สิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศโลก และการต่อต้านยาเสพติด แม้ว่ามีหลายอย่างที่จะไม่อยู่ในการหารือระดับผู้นำในครั้งนี้ก็ตาม

สิ่งที่จีนต้องการ

คาดว่าประเด็นสำคัญที่จีนต้องการเห็นท่าทีที่ชัดเจนของสหรัฐฯ มีสองประการด้วยกัน คือเรื่องการค้าและไต้หวัน ซึ่งการประชุม จี-20 ที่บาหลีครั้งนี้ และการหารือทวิภาคีกับปธน.ไบเดน ทำให้ประธานาธิบดีสีได้รับโอกาสสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของจีนในฐานะผู้นำบนเวทีโลก รวมทั้งภาพลักษณ์ของตนเองในฐานะผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของจีนซึ่งสามารถกอบกู้ศักยภาพทางเศรษฐกิจและการทหารของประเทศได้

เควิน รัดด์ อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และประธานองค์กร Asia Society ระบุว่า "จีนกำลังเดินหน้าตามนโยบายที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงสถานะของประชาคมโลก" แม้จะต้องสั่นคลอนความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ยุโรป และประเทศในเอเชียหลายประเทศก็ตาม

จ้าว หลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า การประชุมกับปธน.ไบเดน ครั้งนี้ คือวาระสำคัญทางการทูตของจีนในเอเชียแปซิฟิก และว่า "ปธน.สี จะกล่าวปราศรัยสำคัญเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีน" นอกจากนี้ โฆษกจีนผู้นี้ยังขอร้องให้สหรัฐฯ หยุดเล่นเกมการเมืองในส่วนของการค้า และยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน

ทางการปักกิ่งต้องการให้รัฐบาลกรุงวอชิงตันยกเลิกภาษีการค้าที่นำมาใช้ในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และยกเลิกข้อจำกัดในการส่งออกชิปคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้แก่จีน ตลอดจนยุติการขัดขวางและบิดเบือนหลักการ "จีนเดียว"

ทั้งนี้ การประชุม จี-20 ที่อินโดนีเซีย ถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งที่สองของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในรอบสองปีครึ่ง ในขณะที่รัฐบาลจีนยังคงใช้นโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" อย่างเข้มงวดภายในประเทศ

โดยในการร่วมประชุมกับผู้นำรัสเซียและเอเชียตะวันออกกลางเมื่อเดือนกันยายน ปธน.สี ปฏิเสธไม่ร่วมงานรับประทานอาหารค่ำตามธรรมเนียมปฏิบัติ และไม่เข้าร่วมถ่ายรูปหมู่ของบรรดาผู้นำที่ซึ่งปธน.รัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน และผู้นำคนอื่น ๆ มิได้สวมหน้ากากในงานดังกล่าวด้วย

  • ที่มา: เอพี
XS
SM
MD
LG