สำหรับชาวเมืองหลายล้านคนในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้แล้ว การที่ต้องประสบกับปัญหาอาการแน่นหน้าอก เจ็บคอ และแสบตาบ่อยครั้ง เป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจเลย เพราะเมื่อปีที่แล้วภูมิภาคนี้มีมลพิษทางอากาศในระดับที่เป็นอันตรายที่สุดในโลก
ผลการศึกษาที่เผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้โดยบริษัท IQAir ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ระบุว่า ประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ ได้รับผลกระทบจากความเข้มข้นของค่าฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยต่อปีสูงสุดโดยวัดจากจำนวนประชากร
ค่าฝุ่น PM 2.5 คืออนุภาคในชั้นบรรยากาศที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน (หรือ หนึ่งในล้านของหนึ่งเมตร) ซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดของมนุษย์และเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง
กลอรี่ ดอลฟิน แฮมเมส (Glory Dolphin Hammes) ผู้บริหารระดับสูงของ IQAir North America กล่าวว่า อันที่จริงแล้ว PM2.5 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่ามลพิษทางอากาศในรูปแบบอื่น ๆ
ข้อมูลจากเครือข่ายทั่วโลกของทางบริษัทชี้ว่า บังกลาเทศเป็นประเทศที่มีมลพิษทางอากาศโดยค่าฝุ่น PM 2.5 ในระดับที่เป็นอันตรายสุด รองลงมาคือ สาธารณรัฐชาด ปากีสถาน ทาจิกิสถาน และอินเดีย จัดอยู่ในกลุ่ม 5 ประเทศที่มีคุณภาพอากาศย่ำแย่ที่สุด
ในขณะที่กรุงนิวเดลีของอินเดียก็ถูกจัดอยู่ในอันดับสุดท้ายของรายชื่อเมืองหลวงที่มีคุณภาพอากาศดี ส่วนกรุงธากาในบังคลาเทศ เมืองเอ็นจาเมนาในสาธารณรัฐชาด ดูชานเบของทาจิกิสถาน และมัสกัต แห่งประเทศโอมาน จัดอยู่ในกลุ่มเมืองหลวงที่มีปริมาณมลพิษมากที่สุด
สำหรับประเทศที่มีอากาศบริสุทธิ์ คือประเทศที่อยู่ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ ไปจนถึง นิวแคลิโดเนีย ดินแดนอาณานิคมโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ซึ่งมีเมืองนูเมอาซึ่งเป็นเมืองหลวงที่ถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเมืองที่มีอากาศบริสุทธิ์
นอกจากนี้ยังมีเวอร์จินไอส์แลนด์ของสหรัฐฯ เปอร์โตริโกในแถบแคริบเบียน และเคปเวิร์ดในมหาสมุทรแอตแลนติกนอกชายฝั่งแอฟริกา ที่มีอากาศบริสุทธิ์ด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ในบางส่วนของประเทศกำลังพัฒนายังขาดการเฝ้าติดตามที่เพียงพอ ซึ่งดอลฟิน แฮมเมส กล่าวกับวีโอเอว่า มีการระบุพื้นที่ที่ถูกมองข้ามไป 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งได้แก่ แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้
ดอลฟิน แฮมเมส กล่าวต่อไปอีกว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้วก็คือการเกิดไฟป่าเพิ่มขึ้น
องค์การอนามัยโลกได้ลดค่าเฉลี่ยรายปีของฝุ่น PM 2.5 ที่กำหนดไว้ลงครึ่งหนึ่งจาก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเป็น 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยระบุว่าการลดค่าเฉลี่ยนี้จะป้องกันการเสียชีวิตของผู้คนได้หลายล้านคน
รอยเตอร์รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ต่างเห็นด้วยกับแนวทางใหม่นี้ แต่ยังกังวลว่าบางประเทศจะมีปัญหาในเรื่องการดำเนินการ เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ต่างล้มเหลวในการปฏิบัติตามมาตรฐานที่เก่ากว่าและเข้มงวดน้อยกว่า
รายงานประจำปีของ IQAir ซึ่งเริ่มมีขึ้นในปี 2017 ได้อ้างอิงจากข้อมูลคุณภาพอากาศค่าฝุ่น PM2.5 จากเมืองทั้งหมด 6,475 เมืองใน 117 ประเทศ ภูมิภาค และอาณานิคมต่าง ๆ โดยข้อมูลดังกล่าวนี้มาจากสถานีตรวจสอบคุณภาพอากาศตามกฎระเบียบและมีต้นทุนต่ำหลายหมื่นแห่งที่ดำเนินการโดยรัฐบาล องค์กรไม่แสวงหากำไร สถาบันวิจัย ตลอดจนนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นพลเมืองทั่วโลกอีกด้วย