ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระดมข่มขู่อิหร่าน ว่าหากคิดจะโจมตีอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา อิหร่านจะต้องเผชิญกับกองกำลังที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจ เพื่อตอบโต้ถ้อยแถลงของอิหร่านที่เพิกเฉยต่อมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
Iran leadership doesn’t understand the words “nice” or “compassion,” they never have. Sadly, the thing they do understand is Strength and Power, and the USA is by far the most powerful Military Force in the world, with 1.5 Trillion Dollars invested over the last two years alone..
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) June 25, 2019
ผู้นำสหรัฐฯ ระดมทวีตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ในวันอังคาร ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากอิหร่านมีแถลงการณ์ ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบล่าสุดจากสหรัฐฯ ถือเป็นการปิดตาย “ช่องทางการทูต” ระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านไปตลอดกาล และถ้อยแถลงของประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซาน รูฮานี ที่กล่าวว่า มาตรการกดดันอิหร่านรอบใหม่ที่ได้รับความเห็นชอบจากทำเนียบขาวครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนความบกพร่องทางสติปัญญา
....The wonderful Iranian people are suffering, and for no reason at all. Their leadership spends all of its money on Terror, and little on anything else. The U.S. has not forgotten Iran’s use of IED’s & EFP’s (bombs), which killed 2000 Americans, and wounded many more...
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) June 25, 2019
เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งผู้นำฝ่ายบริหาร เพื่อใช้มาตรการลงโทษด้านการเงินต่ออิหร่าน พุ่งเป้าไปที่ นายอยาโตลาห์ อาลี คาเมเนอิ ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน รวมทั้งผู้นำกองทัพอีก 8 คน ไม่ให้เข้าถึงตลาดการเงินของโลก และว่าสหรัฐอาจประกาศมาตรการลงโทษทางการเงินเพิ่มเติมซึ่งมุ่งเป้าไปที่นายโมฮัมหมัด จาว๊าด ซารีฟรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านด้วย
....Iran’s very ignorant and insulting statement, put out today, only shows that they do not understand reality. Any attack by Iran on anything American will be met with great and overwhelming force. In some areas, overwhelming will mean obliteration. No more John Kerry & Obama!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) June 25, 2019
ทางผู้นำสหรัฐฯ เรียกมาตรการที่ใช้ใหม่นี้ว่าเป็นการลงโทษอย่างได้ผลและตรงเป้า เพื่อตอบโต้การที่อิหร่านยิงโดรนลาดตระเวนของสหรัฐฯ ซึ่งบินอยู่ในน่านฟ้าระหว่างประเทศตกในช่องแคบฮอร์มุซ และจากพฤติกรรมที่ก้าวร้าวมุ่งร้ายของอิหร่านหลายต่อหลายครั้ง เช่น การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของนอร์เวย์และญี่ปุ่นในอ่าวโอมาน
ด้านนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ยังคงเปิดรับการเจรจาที่แท้จริงกับอิหร่าน และว่าท่าทีของอิหร่านนั้นเหมือนกับการ "โต้เถียงด้วยความเงียบ"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ใช้การตอบโต้ทางทหารต่อเป้าหมายในอิหร่านโดยให้เหตุผลว่า เพื่อรักษาชีวิตของชาวอิหร่านราว 150 คน แต่ก็กล่าวว่าสหรัฐได้ใช้ความอดกลั้นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าสหรัฐจะแสดงความอดกลั้นแบบนี้อีกในอนาคต
(เรียบเรียงบทความจาก Mark Bowman ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาว)