เปิดผลโพลล์! คนอเมริกันเพียง 13% ‘พอใจในสถานการณ์ของประเทศ’

Pedestrians wear masks as they cross Brand Boulevard, Thursday, July 23, 2020, in Glendale, Calif. Three out of four Americans, including a majority of Republicans, favor requiring people to wear face coverings while outside their homes, a new poll…

Your browser doesn’t support HTML5

Poll US Less Satisfaction


บริษัททำโพลล์ Gallup สำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันช่วงวันที่ 1 ถึง 23 กรกฎาคม และพบว่ามีเพียงร้อยละ 13 ที่ระบุว่าพอใจกับสถานการณ์ในประเทศ

ระดับดังกล่าวลดลงจากร้อยละ 20 เมื่อต้นเดือนมิถุนายน และร้อยละ 45 ในเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ยังต่ำสุดในรอบเกือบ 9 ปีอีกด้วย

ในการทำสำรวจครั้งนี้ที่เปิดเผยผลโพลล์ในที่ 4 สิงหาคม Gallup สอบถามชาวอเมริกันที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ถึงความพอใจต่อสถานการณ์ของประเทศ

ช่วงเวลาทำโพลล์เกิดขึ้น ท่ามกลางการระบาดที่รุนแรงขึ้นของโคโรนาไวรัส นอกจากนี้เศรษฐกิจอเมริกันก็เผชิญกับความความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เหตุการณ์ Great Depression ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่1930

ในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและตัวแทนสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมแครตเข้าร่วมการประชุม และพยายามหาข้อสรุปเกี่ยวกับแผนช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ รอบใหม่ ต่อผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หลังมาตรการต่างๆ ในรอบแรกหมดอายุลงไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ขณะที่ประชาชนหลายล้านคนยังอยู่ในภาวะว่างงานอยู่

การเดินหน้าถกประเด็นความช่วยเหลือระหว่างสองฝ่ายนี้ดำเนินมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลัง แนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเดโมแครตในวุฒิสภา สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมาร์ค เมโดวส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวร่วมเจรจาหาข้อสรุปของข้อเสนอจากทั้งสองฝ่ายที่ต่างกันมากเมื่อวันเสาร์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

Gallup ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ทางสังคมด้วย กล่าวคือ ประชาชนรับรู้ถึงบรรยากาศ จากการเคลื่อนไหวทั่วประเทศเพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิวและการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ภายหลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชาวแอฟริกันอเมริกัน ที่รัฐมินิโซต้า ขณะถูกตำรวจผิวขาวจับกุมตัว

Black Lives Matter protesters march through Portland, Ore. after rallying at the Mark O. Hatfield United States Courthouse on Sunday, Aug. 2, 2020. Following an agreement between Democratic Gov. Kate Brown and the Trump administration to reduce…

ในครั้งนั้น ประชากรอเมริกันเพียงร้อยละ 7 พอใจกับสถานการณ์ในประเทศทั้งนี้ระดับความพอใจที่ร้อยละ 13 เมื่อเดือนที่เเล้ว สูงกว่าจุดต่ำสุด ที่ Gallup เคยทำสำรวจ เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2008 ในครั้งที่เศรษฐกิจอเมริกันเผชิญวิกฤตการเงินครั้งใหญ่

ในการทำสำรวจของ Gallup เรื่องพอใจต่อสถานการณ์ในประเทศของคนอเมริกัน เหตุการณ์ที่เคยกระทบกับบรรยากาศของประเทศ อย่างรุนเเรง เช่นเดียวกับมรสุมหลายด้านในปัจจุบัน มีตัวอย่างที่เปรียบเทียบได้ เช่น เศรษฐกิจถดถอยเมื่อ 12 ปีก่อน วิกฤตพลังงานในปลายคริสต์ทศวรรษที่ 70 และ ที่เมื่อ 9 ปีก่อน สหรัฐฯ ถูกลดความน่าเชื่อถือทางการเงินโดย Standard & Poor’s เนื่องจากภาวะหนี้ในประเทศ

ครั้งล่าสุดที่ระดับความพอใจในสถานการณ์ของประเทศตกตำ่กว่าระดับปัจจุบันคือ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 ในครั้งนั้นตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 12

ผู้จัดทำโพลล์พบว่า ความพอใจสถานการณ์ของประเทศที่ลดลง เกิดขึ้นชัดเจนในหมู่ผู้ที่นิยมในพรรครีพับลิกัน

ผู้ตอบแบบสอบถามที่สนับสนุนรีพับลิกัน ร้อยละ 20 กล่าวว่าพอใจในสถานการณ์ปัจจุบัน ลดลงจากร้อยละ 39 เมื่อเดือนมิถุนายน และร้อยละ 60 ในเดือนกุมภาพันธ์

ที่น่าสนใจคือการสำรวจความคิดห็นในเดือนกุมภาพันธ์เกิดขึ้นหลังจากที่ วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีความผิดในข้อหายื่นถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ

หากพิจารณาถึงระดับความพอใจต่อสถานการณ์ของประเทศในกลุ่ม ผู้นิยมพรรครีพับลิกัน ตัวเลขร้อยละ 20 ในเดือนที่แล้วถือว่าตำ่สุดตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ​

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันจะไม่พอใจต่อสถานการณ์ของประเทศ​ Gallup พบว่า 91 เปอร์เซ็นต์ของคนกลุ่มนี้ยังยอมรับในผลงานของประธานาธิบดีทรัมป์

President Donald Trump holds up a signed Executive Order on hiring American workers, during a meeting with U.S. tech workers, in the Cabinet Room of the White House, Aug. 3, 2020, in Washington.

ผู้จัดทำโพลล์จึงสรุปว่า ความไม่พอใจสถานการณ์ในประเทศของชาวรีพับลิกัน จึงน่าจะเกี่ยวกับ สิ่งที่เกิดขึ้นในอเมริกา มากกว่า ที่จะชี้ถึงความรู้สึกของพวกเขาต่อความสามารถในการบริหารประเทศของรัฐบาล

และเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 3 พฤศจิกายนใกล้เข้ามา กลุ่มประชากรที่น่าจับตามองคือ ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงอิสระที่ระบุว่าตนไม่ปักใจสนับสนุนรีพับลิกัน หรือเดโมเเครต

ในกลุ่มออกเสียงอิสระนี้ พวกเขาพอใจในสถานการณ์ของประเทศลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 12 จากร้อยละ 18 ในเดือนมิถุนายน และคนกลุ่มนี้ยอมรับในผลงานของทรัมป์ร้อยละ 34 ซึ่งอยู่ในทิศทางขาลงเช่นกัน