เปิดแผนเศรษฐกิจมาเลเซียยุค “มหาธีร์ 2.0”

Malaysia's Prime Minister Mahathir Mohamad, center, waves next to newly appointed Finance Minister Lim Guan Eng, left, after a press conference to announce his cabinet members in Petaling Jaya, May 12, 2018.

รัฐบาลใหม่ภายใต้การบริหารของ นพ.มหาธีร์ มูฮัมหมัด เตรียมทบทวนนโยบายเศรษฐกิจในยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค สร้างความกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจว่าจะกระทบกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของมาเลเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แผนการบริหาร 100 วันของ นพ.มหาธีร์ ในด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อดูแลและปราบปราบการทุจริตคอรัปชัน ในการพิจารณาบทบาทของนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกองทุนภาครัฐและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ซึ่งจะทำให้มาเลเซีย เทียบชั้นกับสิงคโปร์ สหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์ ในการจัดการกับปัญหาคอรัปชัน

นอกจากนี้ หนึ่งในนโยบายที่พรรคพันธมิตรแห่งความหวังได้หาเสียงเอาไว้ ก็คือ การยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในสินค้าและบริการต่างๆ หรือ GST ซึ่งเป็นยาขมของประชาชนมาโดยตลอด

แต่สำหรับนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ มองว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นตัวสร้างรายได้มหาศาลให้กับภาครัฐ โดยประเมินว่า การยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่ม อาจกระทบกับงบประมาณของรัฐบาลมาเลเซียมากถึง 10,600 ล้านดอลลาร์ทีเดียว

ที่สำคัญ รัฐบาลชุดใหม่ของมาเลเซียยังเตรียมทบทวนรายละเอียดการลงทุนเมกะโปรเจค ที่เป็นกลจักรสำคัญของเศรษฐกิจแดนเสือเหลือง โดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่กับจีน ประเทศที่ลงทุนในมาเลเซียเป็นอันดับ 1 มูลค่าการลงทุน 3,380 ล้านดอลลาร์ ในภาคการผลิต ภาคการเงิน และอสังหาริมทรัพย์

ซึ่งนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ ประเมินว่า จะเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจมาเลเซียในระยะ 2 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ เศรษฐกิจมาเลเซียในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตราวร้อยละ 5.5 ถึงร้อยละ 6 ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศเป็นหลัก