ทั่วโลกรับมือไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอกสอง

Police officers patrol the street ahead of planned anti-government protests during the coronavirus disease (COVID-19) outbreak in Harare, Zimbabwe, July 31, 2020. REUTERS/Philimon Bulawayo

ข้อมูลจากล่าสุดจาก มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ณ เย็นวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กว่า 4.5 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 152,000 คนแล้ว ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็นกว่า 17.4 ล้านคน

เทดรอส อัดนอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ที่กลับมาพุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศ เป็นเพราะคนรุ่นหนุ่มสาวที่ระวังเรื่องการป้องกันการระบาดน้อยลง ในช่วงฤดูร้อนของประเทศแถบซีกโลกเหนือ ด้วยการไม่สวมใส่หน้ากากและไปตามสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก เช่น บาร์ ไนท์คลับ และชายหาด ที่กลับมาเปิดอีกครั้งหลังหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ

มาเรีย ฟาน เคอร์โคเว นักระบาดวิทยาขององค์การอนามัยโลก ให้ความเห็นว่า คนรุ่นหนุ่มสาวส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อโควิด-19 มักแสดงอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่แสดงอาการเลย ทั้งยังสามารถแพร่เชื้อให้กลุ่มคนที่อายุมากกว่าและมีโอกาสเจ็บป่วยจากเชื้อไวรัสได้มากกว่าด้วย

ในส่วนของสถานการณ์ที่ประเทศฝั่งบราซิล มีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมถึงเย็นวันพฤหัสบดีแล้วราว 2.6 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยูที่ 91,263 คน โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นมีประธานาธิบดี จาอีร์ โบลโซนาโร ที่ได้รับการรักษาโดยยาปฏิชีวนะและเพิ่งหายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รวมทั้งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง มิเชล โบลโซนาโร และรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาร์คอส พอนเทซ ซึ่งเป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีบราซิลคนที่ 5 ที่เปิดเผยผลการตรวจหาเชื้อไวรัสต่อสาธารณะ

ที่อังกฤษ มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 846 คน ในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อสูงที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน โดยเมื่อโดยนายกรัฐมนตรบอร์ริส จอห์นสัน กล่าวว่า อังกฤษยังคงต้องเฝ้าระวังภัยอย่างต่อเนื่องเพราะวิกฤติครั้งนี้ยังไม่จบลง

ทางการอังกฤษได้เพิ่มลักเซมเบิร์กเข้าไปในกลุ่มประเทศที่ต้องกักตัว 14 วันหลังเดินทางเข้าอังกฤษ หลังจากเพิ่งเพิ่มสเปนเข้าไปในรายชื่อนี้อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน รัฐบาลบอตสวานา ในทวีปแอฟริกา เริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์กรุงกาโบโรเนเป็นเวลาสองสัปดาห์อีกครั้งตั้งแต่วันพฤหัสบดี หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงขึ้น โดยองค์การอนามัยโลกเตือนแล้วว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในทวีปแอฟริกาเพิ่มสูงขึ้นถึงสองเท่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด

มัทชิดิโซ โมเอติ ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคของแอฟริกาขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า มีประเทศในทวีปแอฟริกากว่า 20 ประเทศที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนๆ โดยแอฟริกาใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด และเคนยา มาดากัสการ์ ไนจีเรีย แซมเบีย และซิมบับเว มีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน

นอกจากนั้น ประเทศคิวบารายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 7 คน หลังจากรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 37 คนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โดยเมื่อ 10 วันก่อนหน้านี้ คิวบาไม่พบผู้ติดเชื้อเลยเป็นวันแรกนับตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม

และแม้คิวบายังไม่พบผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ชาวคิวบาก็เริ่มไม่ระวังภัยกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการชุมนุมในสถานที่ต่างๆ มากขึ้น ไม่รักษาระยะห่าง และมีบ่อยครั้งที่ประชาชนไม่สวมใส่หน้ากาก

ส่วนที่สหรัฐฯ รัฐฟลอริดารายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 470,000 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 6,800 คน ซึ่งทำให้รัฐนี้มีอัตราการระบาดสูงเป็นอันดับสองของประเทศ ตามหลังรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 493,000 คน และมีผู้เสียชีวิตไปกว่า 9,000 คนแล้ว

นอกจากนี้ นิตยสารแนชันแนล จีโอกราฟฟิค รายงานว่า “บัดดี้” สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดอายุ 7 ปีในรัฐนิวยอร์ก เป็นสุนัขตัวแรกในสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตหลังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยบัดดี้ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งด้วยนั้น ถูกทำการุณยฆาตหลังอาเจียนและถ่ายเป็นเลือด และเดินไม่ได้ บัดดี้ยังมีอาการเหมือนมนุษย์ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น หายใจลำบาก

เท่าที่ผ่านมา มีรายงานว่าสุนัข 12 ตัวและแมว 10 ตัวถูกตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทางองค์การอนามัยโลกระบุว่า สัตว์เลี้ยงไม่น่าแพร่เชื้อไวรัสไปสู่มนุษย์ได้