ธุรกิจ: จีนเรียกทูตสหรัฐฯ ประจำปักกิ่งมาตำหนิกรณีอเมริกาสั่งจับซีเอฟโอหัวเหว่ย

Newly appointed U.S. Ambassador to China Terry Branstad

Your browser doesn’t support HTML5

Business News 12/9/2018

จีนเรียกทูตสหรัฐฯ ประจำปักกิ่งมาตำหนิกรณีอเมริกาสั่งจับซีเอฟโอหัวเหว่ย

กระทรวงการต่างประเทศของจีนเรียกทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่งเข้าพบในวันอาทิตย์ เพื่อแสดง “การประท้วงอย่างรุนแรง” ต่อการจับกุมตัว เมิ่ง ว่านจู ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีจีน Huawei Technologies และกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ ควรยกเลิกหมายจับสตรีคนดังกล่าว

เมิ่ง ว่านจู (Meng Wanzhou) ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการเงินหรือซีเอฟโอของ Huawei ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม โดยเจ้าหน้าที่แคนาดาตามคำขอของรัฐบาลอเมริกัน

เธออาจถูกส่งตัวมาดำเนินคดีในสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลอเมริกันกล่าวหา เมิ่ง ว่านจู ว่าได้ปกปิดความเชื่อมโยงของหัวเหว่ยกับบริษัทหนึ่ง ที่ขายอุปกรณ์เทคโนโลยีให้กับอิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นความผิดเพราะสหรัฐฯใช้มาตรการลงโทษอิหร่านอยู่ในขณะนี้

นอกจากจะเป็นซีเอฟโอของ Huawei แล้ว เมิ่ง ว่านจูยังเป็นบุตรสาวของผู้ก่อตั้ง Huawei อีกด้วย

รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประทศจีน หลี่ ยู่เชง บอกกับทูตเทอร์รี แบรนด์สตาด ว่าสหรัฐฯได้เเสดงการเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล ต่อแคนาดาให้จับกุมตัวผู้บริหาร Huawei รายนี้ ขณะที่เธอเดินทางถึงเมืองเเวนคูเวอร์

รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประทศจีน หลี่ ยู่เชง บอกกับทูตแบรนด์สตาด ว่า”การกระทำของสหรัฐฯ ฝ่าฝืนอย่างร้ายแรงต่อสิทธิ์ที่พึงมีของประชาชนชาวจีน”

ฝ่ายจีนกล่าวด้วยว่า จะมีการดำเนินการตอบโต้ ตามปฏิกิริยาที่สหรัฐฯมีต่อจากนี้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทางการแคนาดาปล่อยตัวเมิ่ง ว่านจู

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าในช่วงกว่าสองปีที่ผ่านมาสหรัฐฯพยายามสืบว่า Huawei ส่งสินค้าที่มีจุดตั้งต้นอยู่ในสหรัฐฯไปยังอิหร่านและประเทศต้องห้ามอื่นๆหรือไม่

อูเบอร์ยื่นเอกสารนำหุ้นออกขายให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก

รอยเตอร์รายงานว่า บริษัท Uber ผู้ให้บริการเรียกรถรับส่งผู้โดยสารผ่านแอพได้ยื่นเอกสารเพื่อนำหุ้นออกขายให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก หรือการทำไอพีโอ

Uber เดินเรื่องทำไอพีโอ (Initial Public Offering) ครั้งนี้ในวันพฤหัสบดี เช่นเดียวกันกับของบริษัท Lyft ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Uber

หาก Uber ขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกตามที่สื่อคาดการณ์ในปีหน้า มูลค่าของบริษัทอาจอยู่ที่ 120,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับมูลค่าประเมินปัจจุบันที่ 76,000 ล้านดอลลาร์

(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของห้องข่าววีโอเอและสำนักข่าวต่างประเทศ)