ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวในวันอังคารว่า สหรัฐฯ มีแผนจะ "เพิ่มการชดใช้" ของอิหร่านในสัปดาห์นี้ จากเหตุการณ์ทำร้ายผู้ประท้วงที่เดินขบวนต่อต้านรัฐบาล สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของสตรีผู้ถูกตำรวจศีลธรรมของอิหร่านจับกุมตัวเมื่อเดือนที่แล้ว
ปธน.ไบเดน ทวีตข้อความว่า "สหรัฐฯ ยืนหยัดเคียงข้างบรรดาสตรีและพลเมืองอิหร่านผู้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลกจากความกล้าหาญของพวกเธอ สหรัฐฯ จะยังเดินหน้าสนับสนุนสิทธิของชาวอิหร่านและการประท้วงอย่างเสรี"
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ มิได้ระบุว่ามาตรการใดที่รัฐบาลกรุงวอชิงตันจะนำมาใช้ต่อรัฐบาลอิหร่าน
The United States stands with Iranian women and Iranian citizens who are inspiring the world with their bravery. This week, we will impose further costs on perpetrators of violence against peaceful protestors. We%27ll continue to support the rights of Iranians to protest freely.
— President Biden (@POTUS) October 4, 2022
เมื่อวันจันทร์ โฆษกทำเนียบขาว คารีน ฌอง-ปิแอร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "เราตระหนกและตื่นกลัวจากรายงานที่ว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิหร่านได้ใช้กำลังปราบปรามนักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงอย่างสันติ และมีการจับกุมผู้ประท้วงจำนวนมาก"
โฆษกทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่า นักศึกษาเหล่านั้นต่างโกรธแค้นต่อการเสียชีวิตของสตรีวัย 22 ปี มาห์ซา อะมินี และการจับกุมผู้ประท้วงอาจทำให้คนหนุ่มสาวอิหร่านจำนวนมากตัดสินใจหลบหนีออกจากประเทศเพื่อไปหาโอกาสในประเทศอื่น
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี กล่าวในวันจันทร์ว่า การประท้วงที่ลุกลามไปทั่วประเทศในขณะนี้ ไม่ใช่การลุกฮือของประชาชนทั่วไป แต่มีอเมริกาและอิสราเอลอยู่เบื้องหลังในการวางแผนประท้วง
อะมินีถูกตำรวจศีลธรรมจับกุมในกรุงเตหะรานในข้อหาสวมผ้าคลุมผมไม่เรียบร้อย เธอเสียชีวิตในอีกสามวันต่อมาที่โรงพยาบาลหลังมีอาการป่วยสาหัส ซึ่งทางรัฐบาลอิหร่านระบุว่าเธอเสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลว แต่ครอบครัวของอะมินีปฏิเสธว่าเธอไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจมาก่อน และเชื่อว่าเธอถูกทุบตีทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่
การประท้วงที่เข้าสู่สัปดาห์ที่สามลุกลามไปเป็นความรุนแรงในหลายเมืองทั่วอิหร่าน มีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง ทางการอิหร่านระบุว่ามีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และถูกจับกุมราว 1,500 คน แต่องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 130 คน และถูกจับกุมหลายพันคน
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์