องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกหรือ WMO รายงานว่าอุณหภูมิโลกที่ร้อนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมานี้เกิดจากระดับอุณหภูมิบนผิวหน้าของน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นทั่วโลก ซึ่งคาดว่าน่าจะยังสูงกว่าระดับอุณหภูมิปกติไปจนถึงปีหน้า
WMO ย้ำว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลอุ่นขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ทั้งๆ ที่ปรากฏการณ์ El Nino เพิ่งกำลังเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ปรากฏการณ์ El Nino เป็นสภาวะทางอากาศที่ทำให้น้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกอุ่นขึ้นและส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นด้วย
นาย Michel Jarraud เลขาธิการ WMO กล่าวว่าข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในปีนี้แสดงให้เห็นว่าจากจำนวนปีที่ร้อนมากที่สุด 15 ปี 14 ปีที่ร้อนมากที่สุดเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 21
เลขาธิการ WMO กล่าวระดับอุณหภูมิโลกและน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเป็นผลสืบเนื่องมาชั้นบรรยากาศโลกมีแก๊สเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์สะสมอยู่ในปริมาณมาก
เลขาธิการ WMO กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าข้อมูลที่ว่าแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ สร้างความกังวลอย่างมากแก่ WMO และหากยังไม่สามารถลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกลงได้ อุณหภูมิโลกก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะควบคุมไม่ให้อุณหภูมิน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นเกินสองศาเซลเซียสได้
บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างเห็นด้วยว่าระดับอุณหภูมิน้ำทะเลต้องไม่เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับอุณหภูมิก่อนหน้ายุคอุตสาหกรรมเกินสององศาเซลเซียสเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบรุนแรงจากภาวะโลกร้อน พวกเขากล่าวว่าเพื่อยังคงรักษาอุณหภูมิของโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกินระดับเป้าหมายนี้ คนเราจะต้องลดปริมาณแก๊สเรือนกระจกที่ปล่อยออกไปสู่ชั้นบรรยากาศลงอย่างมากในระยะเวลา 50 ปีข้างหน้า
รายงานของ WMO พบว่าอุณหภูมิระดับผิวหน้าของน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นนี้สูงที่สุดเท่าที่มีมา นาย Michel Jarraud เลขาธิการ WMO กล่าวกับวีโอเอว่าน้ำทะเลดูดซับ 1 ใน 4 ของปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดที่มนุษย์ผลิตขึ้น
นาย Michel Jarraud เลขาธิการ WMO กล่าวว่าหากโลกปราศจากทะเล แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในชั้นบรรยากาศ ปริมาณแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศก็จะยิ่งสูงขึ้นอย่างมากและโลกจะอุ่นขึ้นกว่านี้ เขากล่าวว่านี่ยังส่งผลกระทบประการที่สองตามมา นั่นก็คือทะเลจะขยายขอบเขตกว้างขึ้น ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น และผลกระทบประการที่สาม แผ่นน้ำแข็งบนแผ่นดินรวมทั้งแผ่นน้ำแข็งใหญ่ๆ อย่างในขั้วโลกใต้และในกรีนแลนด์จะเริ่มละลาย
รายงานของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาโลกนี้ผูกเหตุการณ์ภาวะอากาศผันผวนรุนแรงหลายครั้งเข้ากับภาวะโลกร้อน โดยระบุถึงภัยน้ำท่วมจากภาวะฝนที่ตกหนักในอังกฤษ รัสเซียและในประเทศยุโรปอื่นๆ เช่นเดียวกับในเอเชีย ละตินอเมริกาและอเมริกาเหนือ
ในขณะเดียวกัน ภาวะฝนแล้งรุนแรงได้ส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน บางประเทศในอเมริกากลาง ฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย
สำนักอุตุนิยมวิทยาโลกบันทึกว่าในปีนี้มีมรสุมเขตร้อนเกิดขึ้นอย่างย้อยถึง 72 ครั้ง
