ช่วงสุดสัปดาห์วันหยุดของวันแรงงานในสหรัฐ “Tenet” ภาพยนตร์แนว sci fi ของ คริสโตเฟอร์ โนแลนเป็นเครื่องทดสอบความพร้อมของแฟนหนังในตลาดอเมริกาเหนือด้วยการเปิดตัวในโรงภาพยนตร์ราว 2,800 แห่งของอเมริกากับแคนาดาซึ่งเท่ากับราว 75% ของการเปิดตัวฉายสำหรับหนังฟอร์มใหญ่โดยทั่วไป โดยดูเหมือนว่า Tenet ภาพยนตร์ใหม่ของคริสโตเฟอร์ โนแลนแนว spy thriller ปน sci-fi เกี่ยวกับองค์กรลับชื่อเดียวกันที่พยายามใช้ประโยชน์จากการย้อนเวลานี้ดูเหมือนจะพยายามพิสูจน์เช่นกันว่าการหาความบันเทิงในโรงภาพยนตร์จะสามารถย้อนเวลากลับไปเหมือนในช่วงก่อนโควิด-19 ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามคาดว่า Tenet ทำรายได้ในช่วงสี่วันของสุดสัปดาห์วันแรงงานในสหรัฐได้เพียงราว 20 ล้านดอลลาร์ซึ่งนับว่าต่ำมากสำหรับหนังใหญ่ซึ่งใช้ทุนสร้าง 200 ล้านดอลลาร์และอีก 100 ล้านดอลลาร์สำหรับการตลาดด้วย
ขณะนี้มีโรงภาพยนตร์ในสหรัฐราว 70% ที่กลับมาเปิดฉายแต่สำหรับในตลาดใหญ่คือที่นิวยอร์กกับลอสแองเจลีสนั้นยังปิดอยู่ และมีกฎว่าโรงภาพยนตร์จะรับคนดูได้ไม่เกินความจุ 50% เพื่อการเว้นระยะห่าง รวมทั้งผู้ชมต้องสวมหน้ากากด้วยอย่างไรก็ตามก็ยังมีแฟนหนังในสหรัฐไม่น้อยที่ยังไม่แน่ใจเรื่องความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ในโรงภาพยนตร์
Tenet เป็นหนังฟอร์มใหญ่เรื่องแรกซึ่งปกติแล้วจะลงโรงฉายในช่วงฤดูร้อนที่ตัดสินใจเริ่มทดลองตลาดอีกครั้งหลังจากที่โรงภาพยนตร์ต้องปิดตัวลงในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา และเป็นหนังของฤดูร้อนที่ถูกนำออกฉายในช่วงสุดสัปดาห์วันหยุดยาวสุดท้ายของฤดูร้อนคือช่วงวันแรงงานสหรัฐ 7 กันยายนนี้ด้วย โดยขณะนี้นักวิเคราะห์วงการบันเทิงยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการตอบรับภาพยนตร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ 20 ล้านดอลลาร์นั้นแสดงสัญญาณการช่วยชุบชีวิตสำหรับธุรกิจโรงภาพยนตร์หรือจะบ่งชี้ถึงการที่ค่ายหนังใหญ่ต้องลดมาตรฐานความคาดหวังทั้งในแง่รายได้และช่องทางการนำเสนอลง อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดต่างประเทศแล้ว Tenet ทำรายได้ดีกว่าคือเปิดตัวที่ 30 ล้านดอลลาร์ในประเทศจีนและสามารถเก็บเกี่ยวคืนทุนได้จากตลาดต่างประเทศในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ราว 146 ล้านดอลลาร์ด้วย
แต่นอกจาก Tenet ของค่าย Warner Brothers แล้ว Disney ก็ทยอยปล่อยหนังในมือออกมาเช่นกันอย่างเช่น The New Mutants ซึ่งแตกหน่อมาจากชุด X-Men แต่ก็ทำรายได้เพียงแค่ 7 ล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่สอง อย่างไรก็ตามดาบสำคัญในกล่องเก็บอาวุธของ Disney ขณะนี้คงจะหนีไม่พ้น Mulan หนังเกร็ดประวัติศาสตร์ของจีนที่ใช้คนแสดงจริง แต่ Disney ก็ยังไม่กล้ากระโดดลงสมรภูมิในตลาดอเมริกาอย่างเต็มตัวเพราะตอนนี้ใช้วิธี Streaming สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกบริการหนัง Disney Plus ก่อนเท่านั้น ถึงแม้ว่าความหวังสำหรับผลงานด้านการเงินของ Mulan อาจจะดูสดใสกว่าจากตลาด ในต่างประเทศเนื่องจากเปิดตัวได้ค่อนข้างน่าพอใจในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมทั้งในไต้หวันและตะวันออกกลางด้วย โดยโจทย์ใหญ่ซึ่ง Disney รอคำตอบอยู่ขณะนี้ก็คือ Mulan กำลังจะเปิดตัวในตลาดสำคัญที่สุดในวันศุกร์ที่ 11 กันยายนนี้คือในประเทศจีน
