ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ยอดส่งออกอาวุธอเมริกันพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ปีงบประมาณ 2023


ยอดขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้แก่รัฐบาลต่างชาติ เพิ่มขึ้น 16% ในปีงบประมาณ 2023 คิดเป็นมูลค่ารวมสูงสุดที่ 238,000 ล้านดอลลาร์ จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์

ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความคาดหมายผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐฯ รวมทั้ง ล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) เจเนรัล ไดนามิกส์ (General Dynamics) และ นอร์ธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) ซึ่งถูกประเมินว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งและสงครามทั่วโลก

แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ยอดขายและการส่งมอบอาวุธนั้นถูกมองว่าเป็น "เครื่องมือสำคัญของนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อศักยภาพด้านความมั่นคงของโลกและภูมิภาคต่าง ๆ ในระยะยาว"

ภาพการส่งมอบอาวุธ HIMARS (High Mobility Artillery Rocket System) ให้แก่กองทัพโปแลนด์ในกรุงวอร์ซอ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2023
ภาพการส่งมอบอาวุธ HIMARS (High Mobility Artillery Rocket System) ให้แก่กองทัพโปแลนด์ในกรุงวอร์ซอ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2023

ยอดขายอาวุธที่ได้รับอนุมัติในปีงบประมาณ 2023 นั้นรวมถึง ระบบยิงจรวดเคลื่อนที่ หรือ High Mobility Artillery Rocket Systems (HIMARS) มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ที่ขายให้กับโปแลนด์, ขีปนาวุธทางอากาศนำสมัยพิสัยกลาง หรือ Advanced Medium-Range Air-To-Air Missiles (AMRAAM) มูลค่า 2,900 ล้านดอลลาร์ที่ขายให้แก่เยอรมนี และระบบยิงขีปนาวุธภาคพื้นดินสู่อากาศรุ่นใหม่ หรือ National Advanced Surface to Air Missile Systems (NASAMS) ที่ขายให้แก่ยูเครน

นอกจากนี้ คาดว่าทั้ง ล็อกฮีด มาร์ติน และ เจเนรัล ไดนามิกส์ จะได้รับคำสั่งซื้อลูกปืนใหญ่หลายแสนลูก เครื่องสกัดขีปนาวุธแบบแพทริออต (Patriot) หลายร้อยชุด ตลอดจนคำสั่งซื้อเพิ่มสำหรับยานพาหนะหุ้มเกราะอีกจำนวนมาก

ทั้งนี้ รัฐบาลต่างชาติสามารถสั่งซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ผ่านสองช่องทางหลัก หนึ่งคือการสั่งซื้อโดยตรงจากบริษัทนั้น ๆ และสองคือการทำสัญญาซื้อขายผ่านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยติดต่อผ่านสถานทูตอเมริกัน ซึ่งทั้งสองกรณีจำเป็นต้องได้รับการรับรองจากรัฐบาลสหรัฐฯ เสียก่อน

โดยในปีงบประมาณ 2023 ที่ผ่านมา ยอดซื้อขายอาวุธโดยตรงระหว่างรัฐบาลต่างชาติกับบริษัทอาวุธ เพิ่มขึ้นเป็น 157,500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ การทำสัญญาซื้อขายผ่านรัฐบาลนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 80,900 ล้านดอลลาร์

  • ที่มา: รอยเตอร์
XS
SM
MD
LG