เงินช่วยเหลือเหยื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ที่ในเมือง Christchurch บ้านเกิดของเขาในนิวซีเเลนด์ ในวันนั้นเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น วัดความแรงได้เก้าจุดศูนย์ริกเตอร์
คุณยูเรกี้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น แต่สัญชาติญาณแรกของเขาคือต้องรีบค้นหาชาวต่างชาติคนอื่นๆอย่างตัวเขาที่อาศัยในเมืองเซนได แต่ทำได้ยากเพราะไฟฟ้าดับนานสามวันหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว สายโทรศัพท์ใช้การไม่ได้ เขาบอกว่าในเมืองเซนได บริการด้านโทรศัพท์มือถือและข้อมูลทางออนไลน์เริ่มใช้การได้เป็นอย่างแรก
เคลีบ ยูเรกี้ บอกว่า ผู้คนสามารถใช้สมาร์ทโฟนได้ พวกเขาสามารถเปิดหน้าเวปไซท์เฟสบุคแล้วอับเดทข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองว่าปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหว ตัวคุณยูเรกี้เองได้ตีพิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองว่ารอดจากเหตุแผ่นดินไหวทางหน้าเวปไซท์ Google Person Finder บริษัท Google เปิดให้บริการข้อมูลอินเตอร์เน็ตดาต้าเบส เพื่อค้นหาคนหาย เป็นการชั่วคราวเพื่อช่วยญาติตามหาสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนที่หายตัวไปในพื้นที่เสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น
Christian Adams เป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาซอฟแวร์ในทีมงานตอบสนองต่อเหตุการณ์วิกฤติของบริษัท Google
ชี้ว่า Google เริ่มสวมบทบาทที่ดั้งเดิมเป็นงานของหน่วยราชการท้องถิ่นหรือหน่วยงานกาชาดสากลหรือ Red Cross เขาบอกว่า Google ไม่ได้ต้องการแย่งบทบาทจากภาครัฐบาลและหน่วยงานในท้องถิ่นแต่ต้องการเสริมให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์จากแหล่งต่างๆเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เขากล่าวว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่าใคร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาทางร่วมมือกันระหว่างหลายๆองค์กรและหน่วยงานเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน่วยงานราชการส่วนใหญ่ยังไม่นิยมในการใช้สื่อสังคมออนไลน์เข้าไปเสริมในการทำงานของตน ต่างจากหน่วยงานภาคเอกชน แต่ในหน่วยงานกู้ภัยของราชการในเมืองเเวนคูเว่อร์ รัฐวอชิงตันทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เจ้าหน้าที่ประจำสถานีหลายจุดมีเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูล ปรากฏทางหน้าทวิทเตอร์ ยูทูบ เฟสบุคและสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ คุณคริส เอริกสัน เจ้าหน้าที่ข้อมูลข่าวสารแห่งสำนักงาน U.S. Forest Service กล่าวว่า สื่อสังคมออนไลน์ช่วยให้เธอได้รับข้อมูลต่างๆจากประชาชนในพื้นที่ที่เกิดไฟใหม้ป่าที่หลากหลายและเป็นประโยชน์อย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
คุณคริส เอริกสัน เจ้าหน้าที่ข้อมูลข่าวสารแห่งสำนักงาน U.S. Forest Service กล่าวว่า บอกว่าข้อมูลที่ได้มากจากคนในพื้นที่ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเธอไปยืนฟังเพื่อนบ้านคุยกันข้ามรั้วถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและสถานการณ์ล่าสุด ทำให้รับทราบถึงความรู้สึกของคนในชุมชนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและต่อการรับมือกับสถานการณ์ของหน่าวยงานรัฐบาล
อย่างไรก็ดีเธอบอกว่าวิธีการติดตามข้อมูลแบบดั้งเดิมจากการฟังข่าววิทยุหรือข่าวโทรศัทน์ก็ยังเป็นวิธีที่ใช้อยู่ เพราะยังมีประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ได้ และในยามวิกฤติไฟฟ้ามักดับ ดังนั้นการมีวิทยุใส่ถ่านแบตเตอรี่ธรรมดาๆก็ยังเป็นทางออกที่ใช้ได้ในทุกที่ทุกแห่ง
คุณยูเรกี้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น แต่สัญชาติญาณแรกของเขาคือต้องรีบค้นหาชาวต่างชาติคนอื่นๆอย่างตัวเขาที่อาศัยในเมืองเซนได แต่ทำได้ยากเพราะไฟฟ้าดับนานสามวันหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว สายโทรศัพท์ใช้การไม่ได้ เขาบอกว่าในเมืองเซนได บริการด้านโทรศัพท์มือถือและข้อมูลทางออนไลน์เริ่มใช้การได้เป็นอย่างแรก
เคลีบ ยูเรกี้ บอกว่า ผู้คนสามารถใช้สมาร์ทโฟนได้ พวกเขาสามารถเปิดหน้าเวปไซท์เฟสบุคแล้วอับเดทข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองว่าปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหว ตัวคุณยูเรกี้เองได้ตีพิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองว่ารอดจากเหตุแผ่นดินไหวทางหน้าเวปไซท์ Google Person Finder บริษัท Google เปิดให้บริการข้อมูลอินเตอร์เน็ตดาต้าเบส เพื่อค้นหาคนหาย เป็นการชั่วคราวเพื่อช่วยญาติตามหาสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนที่หายตัวไปในพื้นที่เสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น
Christian Adams เป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาซอฟแวร์ในทีมงานตอบสนองต่อเหตุการณ์วิกฤติของบริษัท Google
ชี้ว่า Google เริ่มสวมบทบาทที่ดั้งเดิมเป็นงานของหน่วยราชการท้องถิ่นหรือหน่วยงานกาชาดสากลหรือ Red Cross เขาบอกว่า Google ไม่ได้ต้องการแย่งบทบาทจากภาครัฐบาลและหน่วยงานในท้องถิ่นแต่ต้องการเสริมให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์จากแหล่งต่างๆเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เขากล่าวว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่าใคร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาทางร่วมมือกันระหว่างหลายๆองค์กรและหน่วยงานเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน่วยงานราชการส่วนใหญ่ยังไม่นิยมในการใช้สื่อสังคมออนไลน์เข้าไปเสริมในการทำงานของตน ต่างจากหน่วยงานภาคเอกชน แต่ในหน่วยงานกู้ภัยของราชการในเมืองเเวนคูเว่อร์ รัฐวอชิงตันทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เจ้าหน้าที่ประจำสถานีหลายจุดมีเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูล ปรากฏทางหน้าทวิทเตอร์ ยูทูบ เฟสบุคและสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ คุณคริส เอริกสัน เจ้าหน้าที่ข้อมูลข่าวสารแห่งสำนักงาน U.S. Forest Service กล่าวว่า สื่อสังคมออนไลน์ช่วยให้เธอได้รับข้อมูลต่างๆจากประชาชนในพื้นที่ที่เกิดไฟใหม้ป่าที่หลากหลายและเป็นประโยชน์อย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
คุณคริส เอริกสัน เจ้าหน้าที่ข้อมูลข่าวสารแห่งสำนักงาน U.S. Forest Service กล่าวว่า บอกว่าข้อมูลที่ได้มากจากคนในพื้นที่ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเธอไปยืนฟังเพื่อนบ้านคุยกันข้ามรั้วถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและสถานการณ์ล่าสุด ทำให้รับทราบถึงความรู้สึกของคนในชุมชนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและต่อการรับมือกับสถานการณ์ของหน่าวยงานรัฐบาล
อย่างไรก็ดีเธอบอกว่าวิธีการติดตามข้อมูลแบบดั้งเดิมจากการฟังข่าววิทยุหรือข่าวโทรศัทน์ก็ยังเป็นวิธีที่ใช้อยู่ เพราะยังมีประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ได้ และในยามวิกฤติไฟฟ้ามักดับ ดังนั้นการมีวิทยุใส่ถ่านแบตเตอรี่ธรรมดาๆก็ยังเป็นทางออกที่ใช้ได้ในทุกที่ทุกแห่ง
