ลิ้งค์เชื่อมต่อ

งานวิจัย ม.ฮาร์เวิร์ด ระบุ 'วิตามินเอ' อาจช่วยป้องกันการเกิดวัณโรคได้


A girl is given vitamin A drops during a house-to-house vaccination campaign in Sanaa, Yemen February 20, 2017.
A girl is given vitamin A drops during a house-to-house vaccination campaign in Sanaa, Yemen February 20, 2017.
please wait

No media source currently available

0:00 0:02:49 0:00

งานวิจัยชิ้นใหม่ของนักวิจัยที่ ม.Harvard ระบุว่าการรับประทานวิตามิน A เป็นอาหารเสริม อาจช่วยป้องกันการเกิดวัณโรคได้

ในงานวิจัยซึ่งจัดทำขึ้นที่เมืองลิม่า ประเทศเปรู นักวิจัยพบว่าผู้ใหญ่ที่ขาดวิตามินเอ มีโอกาสติดเชื้อวัณโรคจากสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคนี้เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ส่วนเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 10 – 19 ปีที่ขาดวิตามินเอ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อวัณโรคเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า

โรคขาดวิตามินเอ ถือเป็นความผิดปกติที่พบในประชากรโลกราว 30% ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศรายได้ต่ำถึงรายได้ปานกลาง

คุณ Megan Murray แห่งแผนกสาธารณสุขโลกและเวชศาสตร์สังคม ของ Harvard Medical School กล่าวว่า จากการสำรวจตัวอย่างเลือดของกลุ่มตัวอย่าง 6,000 คนที่อาศัยร่วมอยู่กับผู้ป่วยวัณโรคเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี พบว่าในจำนวนนี้มี 192 คนที่ป่วยเป็นวัณโรคไปด้วย

และจากการเปรียบเทียบเลือดของผู้ที่ติดเชื้อวัณโรคจากคนในครอบครัว เทียบกับเลือดของผู้ที่ไม่ติดเชื้อ แสดงให้เห็นว่าวิตามินเอมีส่วนสำคัญไม่น้อย

ดูเหมือนผู้ที่ติดเชื้อวัณโรคต่างมีระดับวิตามินเอในเลือดต่ำ หรือขาดวิตามินเอ ซึ่งสร้างความแปลกใจไม่น้อยให้กับนักวิจัย

ปัจจุบัน คาดว่ามีประชากรโลกราว 1 ใน 3 ที่มีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของวัณโรค แต่ส่วนใหญ่ไม่ออกอาการ และมีราว 1 ล้าน 8 แสนคน ที่เสียชีวิตด้วยโรคเกี่ยวกับปอดที่มีสาเหตุจากเชื้อวัณโรคเหล่านี้

คุณ Murray กล่าวว่าวิตามินเออาจมีประสิทธิภาพในการปรับภูมิคุ้มกันให้สามารถควบคุมเชื้อวัณโรคได้ อย่างไรก็ตาม เธอเน้นย้ำว่างานวิจัยชิ้นนี้มิได้จัดทำขึ้นเพื่อชี้ถึงสาเหตุหรือความสัมพันธ์ของการขาดวิตามินเอกับการเกิดวัณโรคแต่อย่างใด

"ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการวิจัยครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อน และถึงแม้จะมีความชัดเจน แต่ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าจะสามารถให้อาหารเสริมประเภทวิตามินเอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อวัณโรคได้หรือไม่"

และในขั้นตอนต่อไป จะมีการศึกษาโดยผสมวิตามินเอกับยาต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibiotics) เพื่อทดสอบในเรื่องนี้

ผลวิจัยที่ว่านี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสารการแพทย์ Clinical Infectious Diseases

(ผู้สื่อข่าว Jessica Berman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)

XS
SM
MD
LG