ลิ้งค์เชื่อมต่อ

"ทรัมป์" เตรียมตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าเทคโนโลยีจีนมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์!


A Chinese microchip is seen through a microscope set up at the booth for the state-controlled Tsinghua Unigroup project which is driving China's semiconductor ambitions during the 21st China Beijing International High-tech Expo in Beijing, China, May 17, 2018.
A Chinese microchip is seen through a microscope set up at the booth for the state-controlled Tsinghua Unigroup project which is driving China's semiconductor ambitions during the 21st China Beijing International High-tech Expo in Beijing, China, May 17, 2018.

ทำเนียบขาว ได้เปิดเผยแผนการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าที่ร้อยละ 25 กับสินค้าด้านเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรม มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ระหว่างการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนยังไม่ได้ข้อสรุปในเวลานี้

คณะทำงานของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกแถลงการณ์ เมื่อวันอังคาร ว่าการตั้งกำแพงภาษีมีขึ้นเพื่อตอบโต้มาตรการด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา และนวัตกรรมของจีน โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะประกาศรายการสินค้านำเข้าที่จะได้รับผลกระทบ ภายในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ และการขึ้นภาษีนำเข้าจะเกิดขึ้นไม่นานหลังจากนั้น

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯยังเตรียมบังคับใช้มาตรการจำกัดการลงทุน และเพิ่มการควบคุมการส่งออกของบริษัทจีนและชาวจีน ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านการผลิตของอุตสาหกรรมที่สำคัญ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 มิถุนายน หลังจากการปรับขึ้นกำแพงภาษีไปแล้ว

รัฐบาลทรัมป์ ยังบอกด้วยว่า การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯจะยังคงดำเนินต่อไป และสหรัฐฯจะเรียกร้องให้จีนยกเลิกอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีและด้านภาษีที่ทั้ง 2 ชาตินำมาใช้ตอบโต้ทางการค้าระหว่างกัน

ฝั่งรัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน ได้แถลงการณ์ตอบโต้สั้นๆว่า รู้สึกประหลาดใจ เพราะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความตกลงของทั้ง 2 ชาติในการหารือการค้าครั้งล่าสุด แต่ก็เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐฯทำตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้ในการหารือร่วมกันด้วย

ในสัปดาห์นี้ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ วิลเบอร์ รอสส์ จะเดินทางไปเจรจาการค้ารอบใหม่กับจีน ในการเสนอให้จีนซื้อสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น เพื่อลดระดับการขาดดุลการค้ากับรัฐบาลจีน ที่สูงถึง 375,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อน

XS
SM
MD
LG