ลิ้งค์เชื่อมต่อ

จับตามองการเลือกตั้งใหญ่ญี่ปุ่นวันอาทิตย์นี้ กับอิทธิพลของ "ทรัมป์"


President Donald Trump shakes hands with Japanese Prime Minister Shinzo Abe during a meeting at the Palace Hotel during the United Nations General Assembly, Thursday, Sept. 21, 2017, in New York. (AP Photo/Evan Vucci)
President Donald Trump shakes hands with Japanese Prime Minister Shinzo Abe during a meeting at the Palace Hotel during the United Nations General Assembly, Thursday, Sept. 21, 2017, in New York. (AP Photo/Evan Vucci)

ญี่ปุ่นจะมีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ซึ่งดูเหมือน ปธน.สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มากก็น้อย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำพรรคฝ่ายค้านแนวทางอนุรักษ์นิยมของญี่ปุ่น ได้ออกมาตั้งคำถามถึงความมั่นคงของรัฐบาล ปธน.ทรัมป์ หลังจากก่อนหน้านี้ นายกฯ ชินโซ่ อาเบะ ได้พยายามเน้นย้ำความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างตนกับ ปธน.ทรัมป์

นายกฯ อาเบะ ได้ประกาศยุบสภาเพื่อจัดให้มีเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 22 ตุลาคม โดยอาศัยความนิยมของตนที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นจากการมีนโยบายที่แข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือ

และในการรณรงค์หาเสียง พรรครัฐบาลของนายกฯ อาเบะ คือพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ยังได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวอันแนบแน่นระหว่างนายกฯ อาเบะ กับ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นปัจจัยสำคัญทางการเมืองที่จะช่วยกระชับความเป็นพันธมิตรระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

Japan's Prime Minister Shinzo Abe (3rd L) and his party's lawmakers raise their fists as they pledge to win in the upcoming lower house election, at their party headquarters in Tokyo, Japan September 28, 2017.
Japan's Prime Minister Shinzo Abe (3rd L) and his party's lawmakers raise their fists as they pledge to win in the upcoming lower house election, at their party headquarters in Tokyo, Japan September 28, 2017.

ที่ผ่านมา นายกฯ อาเบะ ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้ ปธน.ทรัมป์ ที่มีต่อเกาหลีเหนือ อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการใช้มาตรการลงโทษที่รุนแรงขึ้นและการขู่ว่าจะใช้กำลังทหาร

นอกจากนี้ ผู้นำญี่ปุ่นยังไม่เชื่อว่าการเจรจาต่อรองกับกรุงเปียงยางจะช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ปธน.ทรัมป์​ยืนยันมาโดยตลอดเช่นกัน

โดยในการกล่าวปราศรัยที่การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อเดือนที่แล้ว นายกฯ อาเบะ ได้กล่าวไว้ว่า "สิ่งที่จำเป็นไม่ใช่การเจรจา แต่เป็นการกดดันต่อเกาหลีเหนือ"

FILE - In this Aug. 30, 2015 file photo, protesters hold anti-war placards in front of the National Diet building during a rally in Tokyo.
FILE - In this Aug. 30, 2015 file photo, protesters hold anti-war placards in front of the National Diet building during a rally in Tokyo.

สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ดูเหมือนนายกฯ อาเบะ ต้องเจอศึกหนัก เมื่อ ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าฯ หญิงของกรุงโตเกียว และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองญี่ปุ่น เธอได้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ภายใต้ชื่อ Kibo no To หรือ "พรรคแห่งความหวัง" ที่สะท้อนการคิดใหม่ทำใหม่ และกล้าต่อกรกับพรรคการเมืองเดิมๆ ที่ครองอำนาจมายาวนาน

โดยในการสำรวจความเห็นของชาวญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ พบว่าชาวญี่ปุ่น 32% จะลงคะแนนให้กับพรรค LDP และ 13% จะลงคะแนนให้กับพรรค Kibo no To​

ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ โคอิเกะ ค่อนข้างสงวนท่าทีในเรื่องความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดนี้ยังคงไม่มีเสถียรภาพเท่าที่ควร ยังมีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงควรรอดูจนกว่ารัฐบาล ปธน.ทรัมป์ จะมีความมั่นคงมากกว่านี้

Tokyo Governor Yuriko Koike, head of Japan's Party of Hope, attends a news conference to unveil its election campaign pledges, Oct. 6, 2017.
Tokyo Governor Yuriko Koike, head of Japan's Party of Hope, attends a news conference to unveil its election campaign pledges, Oct. 6, 2017.

ผู้ว่าฯ หญิงผู้นี้ ยังแสดงความกังวลถึงท่าทีของ ปธน.ทรัมป์ ในอนาคต ว่าจะลดการสนับสนุนต่อญี่ปุ่นหรือไม่ รวมทั้งในประเด็นอื่นๆ เช่น การค้า ความมั่นคงในภูมิภาค และท่าทีที่มีต่อจีนซึ่งถือเป็นคู่แข่งของญี่ปุ่นในเอเชีย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนการที่ผู้ว่าฯ โคอิเกะ พยายามทำให้ตัวเธอเองมีความแตกต่างกับนายกฯ อาเบะ ในด้านนโยบายทางการทหารและความสัมพันธ์ต่อสหรัฐฯ นั้น จะแปรเปลี่ยนเป็นผลคะแนนในการเลือกตั้งได้หรือไม่

เพราะในที่สุดแล้ว นโยบายหลักด้านการทหารของผู้สมัครทั้งสองคนนี้ก็ยังคงคล้ายกัน กล่าวคือ ต่างสนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญบทที่ 9 ที่ห้ามญี่ปุ่นเข้าร่วมในสงครามในต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการเพิ่มศักยภาพทางการทหารของญี่ปุ่นเพื่อรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือและจีน

สำหรับมุมมองของชาวญี่ปุ่นเองนั้น แม้กระแสชื่นชอบต่อรัฐบาลสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นในช่วงหลังๆ เนื่องจากนโยบายที่แข็งกร้าวของสหรัฐฯ ต่อเกาหลีเหนือ แต่ดูเหมือนคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังเห็นว่า ปธน.ทรัมป์ ทำให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองขึ้นในญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจากผู้สื่อข่าว Brian Padden)

XS
SM
MD
LG