ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า พร้อมจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 267,000 ล้านดอลลาร์ นอกเหนือจาก 200,000 ล้านที่เตรียมปรับขึ้นเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นการยกระดับสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบกับรัฐบาลปักกิ่ง ที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภคอเมริกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน เพื่อเดินทางไปพบปะผู้สนับสนุนในรัฐฝั่งตะวันตกว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่าอีก 267,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาต้องการ ขณะที่แผนการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ก็จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ตามรายงานของบลูมเบิร์กและรอยเตอร์ส
ขณะที่ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน ระบุว่า จีนพร้อมใช้มาตรการตอบโต้หากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีน ด้วยการปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่าอีก 60,000 ล้านดอลลาร์
โดยการปรับขึ้นภาษีที่ร้อยละ 25 มูลค่าอีก 200,000 ล้านดอลลาร์กับสินค้านำเข้าจากจีน ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่กระเป๋าถือไปจนถึงล้อจักรยาน
ขณะที่รายงานของ CNBC ระบุว่า หุ้น Apple ร่วงลงร้อยละ 1 เมื่อปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากมีการเปิดเผยว่ามีรายการสินค้าของ Apple หลายประเภทที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีรอบใหม่นี้ด้วย อาทิ Apple Watch, หูฟังไร้สาย AirPods และปากกาสไตลัส Apple Pencil
ข้อมูลจาก CNBC ระบุว่า หลังการให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดัชนีดาวน์โจนส์ร่วงลงราว 100 จุดในการซื้อขายเมื่อช่วงเที่ยงวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐฯ จากความกังวลถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 ชาติต่างใช้มาตรการทางภาษีต่อกันมาแล้ว 2 ครั้ง ด้วยการปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าของแต่ละประเทศเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์แล้ว
ทั้งนี้ มุมมองของนายมาร์ค ซานดิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Moody’s Analytics ประเมินว่า การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่าอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของสหรัฐฯ ราวร้อยละ 0.25 ในอีก 12 เดือนหน้า รวมทั้งกระทบกับการจ้างงาน 350,000-400,000 ตำแหน่ง ขณะที่เขาเชื่อว่าปีนี้จีดีพีของสหรัฐฯจะทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 3
