องค์การอนามัยโลกระบุว่า ร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากอุบัติเหตุทางจราจร เป็นผู้ประสบเหตุในประเทศกำลังพัฒนา
นอกจากนั้น WHO กล่าวว่า อุบัติเหตุทางท้องถนนเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตประการหนึ่งของประชาชนทั่วโลกที่อายุระหว่าง 15 ถึง 29 ปี
การศึกษาล่าสุดโดยธนาคารโลก เก็บสถิติจาก 5 ประเทศ คือ จีน อินเดีย ไทย ฟิลิปปินส์ และแทนซาเนีย และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสูตรคำนวณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นักวิจัยพบว่า เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญหากรัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากการจราจรที่มีผู้เสียชีวิตลงครึ่งหนึ่ง ในช่วง 24 ปีจากนี้
รายงานระบุว่า ประเทศไทยจะมีรายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 หากสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางท้องถนนได้เหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแทนซาเนียจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ร้อยละ 7
สำหรับอีกสามประเทศในการศึกษา จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นน้อยกว่าของไทย แต่มากกว่าแทนซาเนีย
หนึ่งในผู้ทำวิจัย Dipan Bose กล่าวว่า หากพิจารณาถึงผลดีที่อาจเกิดขึ้นทางเศรษฐกิจแล้ว คงไม่สามารถมองข้ามประโยชน์จากการลดอุบัติเหตุทางท้องถนน
รายงานของธนาคารโลกฉบับนี้ ชี้ว่า รัฐบาลประเทศต่างๆ สามารถดำเนินการด้วยการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการจำกัดความเร็ว การสวมหมวกนิรภัย และการคาดเข็มขัดนิรภัย
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นออกแบบทางหลวงเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ขับรถ และการออกแบบเส้นทางจราจรเขตเมือง เพื่อสวัสดิภาพของคนเดินถนน และคนขี่จักรยาน
ที่สำคัญ การคำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่แรก ดีกว่าและใช้งบประมาณน้อยกว่า ‘การสร้างก่อนแล้วมาซ่อมที่หลัง’
เพราะหากสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ไม่ปลอดภัยตั้งแต่แรกแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่ปัญหาจะเกาะติดอยู่ในระบบขนส่งยาวนานนับสิบๆ ปี
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของผู้สื่อข่าว Steve Baragona)