คอนเช็ทตา แอนติโก (Concetta Antico) เริ่มวาดภาพตั้งเเต่เป็นเด็กประถม เธอบอกว่ารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสีต่างๆ ที่เธอมองเห็นเเละต้องการบันทึกเอาไว้ในภาพวาด
จนกระทั่งหลายปีให้หลัง เธอถึงรู้ว่าตนเองสามารถมองเห็นเฉดสีได้มากกว่าคนรอบข้าง
ในปี ค.ศ. 2012 แอนติโกค้นพบว่าตนเองมีภาวะที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ไม่พบบ่อย เรียกว่า ภาวะเตตราโครมาซี (tetrachromacy) ซึ่งเป็นภาวะทางประสาท 4 ทางในการส่งข้อมูลเกี่ยวกับสี
ผู้ที่เป็นภาวะนี้มีเซลล์กรวยรับสีมากกว่าคนอื่นหนึ่งกรวย หรือกรวยที่ 4 ทำให้สามารถมองเห็นสีได้หลายล้านเฉด
แอนติโกบอกว่าเธอมองเห็นหินมีสีชมพูหรือเห็นน้ำมีสีม่วงอ่อน เธอจึงเชื่อว่านั่นเป็นสีของหินเเละน้ำเพราะเธอมองเห็นด้วยตาของตัวเอง ภาพวาดของเธอจึงเป็นเหมือนบานหน้าต่างสำหรับคนอื่นให้ได้มองเห็นสีที่แท้จริงของทุกสิ่งบนโลก
ด้านคิมเบอร์ลี่ เจมสัน นักวิทยาศาสตร์ที่แคลิฟอร์เนีย ผู้ศึกษาการมองเห็นสีตามการมองเห็นของคนทั่วไป กล่าวว่า ภาวะเตตราโครมาซีมักเกิดกับหญิงเชื้อสายอินโด-ยูโรเปียนเป็นส่วนใหญ่ และผู้หญิงที่มีภาวะนี้จะมีโอกาสสูงกว่าปกติที่จะมีลูกชายที่มีอาการตาบอดสี
อย่างไรก็ตาม ภาวะผ่าเหล่าทางพันธุกรรมนี้ไม่ได้ทำให้คนมีความสามารถพิเศษในการมองเห็นสีมากกว่าคนปกติเสมอไป
เจมสัน กล่าวว่า กรณีของแอนติโกเป็นกรณีพิเศษ โดยเชื่อว่าเป็นเพราะว่าเธอวาดภาพมาตลอดตั้งเเต่อายุ 7 ขวบ เธอได้ใช้ความสามารถมองเห็นสีที่มากเฉดกว่าปกตินี้ในงานวาดภาพ ทำให้เธอแตกต่างจากคนที่มีภาวะแบบเดียวกับนี้ที่เติบโตขึ้นโดยไม่ได้เน้นการใช้สีในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังไม่รู้ชัดเจนว่าอะไรทำให้เกิดภาวะผ่าเหล่าทางพันธุกรรมนี้
เจมสัน กล่าวว่า ความสามารถในการมองเห็นสีรอบตัวมากกว่าคนอื่น มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับโอกาสของการเอาตัวรอดที่สูงขึ้นในธรรมชาติ ลิงใหญ่สามารถบอกได้ว่าลิงตัวเมียโกรธด้วยการสังเกตุที่โทนสีผิว ผู้หญิงในชนเผ่าที่มีวิถีชีวิตเเบบดั้งเดิม เลือกเก็บผลไม้ที่มีสีสด เพราะสีสดบ่งบอกว่าผลไม้สุกเเละมีรสหวาน
แอนติโก ศิลปินตาวิเศษ บอกว่าเวลาเธอมองที่ผิวของคนอื่น เช่นของคนสูงวัย เธอสามารถบอกได้ว่าสีผิวของคนเหล่านี้เปลี่ยนไปจากเดิม เธอบอกได้ว่าพวกเขากำลังไม่สบายหรือกำลังจะเสียชีวิต เพราะสีผิวที่เธอมองเห็นจะมีโทนแตกต่างไปจากปกติ เธอบอกได้ว่าลูกกำลังไม่สบายหรือเป็นไข้เพราะโทนสีผิวของลูกจะเปลี่ยนไป
นักวิทยาศาสตร์ บอกว่า เเม้ว่าในโลกปัจจุบัน ความสามารถพิเศษในการมองเห็นสีได้มากกว่าปกติไม่มีความจำเป็นต่อการเอาตัวรอดอีกแล้ว เเต่ภาวะนี้ยังคงสืบทอดต่อทางพันธุกรรมของคนบางคนต่อไป และสำหรับแอนติโก การมีตาวิเศษช่วยให้เธอกลายเป็นผู้ถ่ายทอดสีสันที่แท้จริงของโลกรอบตัวที่คนเราทั่วไปมองไม่เห็นผ่านงานวาดภาพที่เธอรัก
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)
