รายงานการสำรวจด้านอาวุธปืนจาก Small Arms Survey ปี 2013 ระบุว่า แต่ละปีนั้นมีผู้คนนับหลายแสนคนจากทั่วโลกที่เสียชีวิตจากการใช้ความรุนแรงของอาวุธปืนแต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นผลมาจากการสู้รบในสงครามทั่วโลก ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น
ในเกือบจะทุกวันมักมีรายงานผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนนานาชนิดในประเทศที่มีความขัดแย้งจนแทบจะเรียกว่าอยู่ในสภาวะสงครามอย่าง ซีเรีย มาลี และแอฟกานิสถานเป็นประจำ แต่ข้อมูลการสำรวจของกลุ่ม Small Arms Survey ที่เก็บข้อมูลผู้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืนจากทั่วโลกตั้งแต่ปี 2004 ถึง 20090 ซึ่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนเฉลี่ยแต่ละปีประมาณ 526,000 ราย ในจำนวนนี้มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เสียชีวิตอันเนื่องมาจากการสู้รบในสงคราม ขณะที่อีกประมาณร้อยละ 90 ของผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนจนเสียชีวิตนั้นล้วนเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
รายงานกว่า 312 หน้าของกลุ่ม Small Arms Survey กำลังบอกว่า การใช้ความรุนแรงจากอาวุธปืนในสังคมนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาในสังคมประจำวันและมีแนวโน้มมากขึ้น
การสำรวจยังพบว่ากว่าร้อยละ 75 ของผู้คนทั่วโลกมีอาวุธปืนครอบครอง หรือประมาณการว่ามีอาวุธกว่า 875 ล้านกระบอกที่อยู่ในมือของผู้คนทั่วไป ขณะเดียวกันยังพบว่ามีการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนจากคนใกล้ชิด เช่น คู่สมรสหรือคนในครอบครัวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คุณ Anna Alvazzi del Frate ผู้อำนวยการงานวิจัยของ Small Arms Survey บอกว่า ประเด็นน่าจับตาคือคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวใช้อาวุธปืนก่อเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ และส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีระดับความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนสูงอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่าวัฒนธรรมการใช้ความรุนแรงนั้นแพร่กระจายไปทั่วในหลายลักษณะ นอกจากนี้ยังพบว่าจะมีความเสี่ยงนั้นจะเพิ่มมากขึ้นในผู้ที่ต้องอยู่กับบุคคลที่ครอบครองอาวุธปืน หรือทำงานเกี่ยวกับปืน และน่าสังเกตด้วยว่าเจ้าของอาวุธปืนส่วนใหญ่มักเป็นเพศชาย ขณะที่เหยื่อของความรุนแรงนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเพศหญิง ซึ่งในหลายประเทศพบว่ากว่าร้อยละ 40-70 เหยื่อที่ถูกฆาตกรรมที่เป็นเพศหญิงนั้นมักถูกสังหารโดยคนใกล้ชิดหรือคู่สมรสของพวกเธอเอง
รายงานจากกลุ่ม Small Arms Survey แบ่งการศึกษาความรุนแรงจากอาวุธปืนออกเป็นหลายๆสาเหตุ ทั้งความรุนแรงที่เกิดจากคนใกล้ชิด ความรุนแรงที่เกิดจากการมีความขัดแย้งเรื่องที่ดินและชุมชน และความรุนแรงระหว่างแก๊งค์หรือองค์กรต่างๆ ซึ่งน่าสังเกตว่ารายงานเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดจากแก๊งค์มาเฟียที่เคยมีบ่อยครั้งในช่วงปี 2007-2010 นั้นลดลงมากกว่าร้อยละ 45 ซึ่งงานวิจัยชี้ว่ามีสาเหตุมาจากการที่องค์กรอาชญากรรมต่างๆพัฒนาตัวเองไปสู่องค์กรที่ถูกกฏหมายมากขึ้น และการธุรกิจการฆ่าคนนั้นไม่เหมาะสำหรับการทำเงินอีกต่อไป
ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินและชุมชนที่เป็นสาเหตุให้ถึงขั้นลงมือลงไม้จนเสียชีวิตนั้นความรุนแรงส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในแถบทวีปแอฟริกา
ขณะที่สหรัฐอเมริกานั้นยังคงครองความเป็นเจ้าในการส่งออกและนำเข้าอาวุธขนาดเล็กและอาวุธเบาที่มีปริมาณมากที่สุดในโลก ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าในปี 2010 มูลค่าการค้าอาวุธในอเมริกามีประมาณ 4 พัน 4 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1 แสน 3 หมื่นล้านบาท แต่ตัวเลขที่ไม่เป็นทางการอาจจะสูงมากกว่านั้น หรือประมาณ 8 พัน 5 ร้อยล้านเหรียญ หรือกว่าประมาณ 2 แสน 5 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
องค์กร Small Arms Survey เป็นองค์กรอิสระด้านการวิจัย ของสถาบันศึกษาพัฒนาระดับนานาชาติ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ในเกือบจะทุกวันมักมีรายงานผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนนานาชนิดในประเทศที่มีความขัดแย้งจนแทบจะเรียกว่าอยู่ในสภาวะสงครามอย่าง ซีเรีย มาลี และแอฟกานิสถานเป็นประจำ แต่ข้อมูลการสำรวจของกลุ่ม Small Arms Survey ที่เก็บข้อมูลผู้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืนจากทั่วโลกตั้งแต่ปี 2004 ถึง 20090 ซึ่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนเฉลี่ยแต่ละปีประมาณ 526,000 ราย ในจำนวนนี้มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เสียชีวิตอันเนื่องมาจากการสู้รบในสงคราม ขณะที่อีกประมาณร้อยละ 90 ของผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนจนเสียชีวิตนั้นล้วนเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
รายงานกว่า 312 หน้าของกลุ่ม Small Arms Survey กำลังบอกว่า การใช้ความรุนแรงจากอาวุธปืนในสังคมนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาในสังคมประจำวันและมีแนวโน้มมากขึ้น
การสำรวจยังพบว่ากว่าร้อยละ 75 ของผู้คนทั่วโลกมีอาวุธปืนครอบครอง หรือประมาณการว่ามีอาวุธกว่า 875 ล้านกระบอกที่อยู่ในมือของผู้คนทั่วไป ขณะเดียวกันยังพบว่ามีการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนจากคนใกล้ชิด เช่น คู่สมรสหรือคนในครอบครัวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คุณ Anna Alvazzi del Frate ผู้อำนวยการงานวิจัยของ Small Arms Survey บอกว่า ประเด็นน่าจับตาคือคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวใช้อาวุธปืนก่อเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ และส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีระดับความรุนแรงของการใช้อาวุธปืนสูงอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่าวัฒนธรรมการใช้ความรุนแรงนั้นแพร่กระจายไปทั่วในหลายลักษณะ นอกจากนี้ยังพบว่าจะมีความเสี่ยงนั้นจะเพิ่มมากขึ้นในผู้ที่ต้องอยู่กับบุคคลที่ครอบครองอาวุธปืน หรือทำงานเกี่ยวกับปืน และน่าสังเกตด้วยว่าเจ้าของอาวุธปืนส่วนใหญ่มักเป็นเพศชาย ขณะที่เหยื่อของความรุนแรงนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเพศหญิง ซึ่งในหลายประเทศพบว่ากว่าร้อยละ 40-70 เหยื่อที่ถูกฆาตกรรมที่เป็นเพศหญิงนั้นมักถูกสังหารโดยคนใกล้ชิดหรือคู่สมรสของพวกเธอเอง
รายงานจากกลุ่ม Small Arms Survey แบ่งการศึกษาความรุนแรงจากอาวุธปืนออกเป็นหลายๆสาเหตุ ทั้งความรุนแรงที่เกิดจากคนใกล้ชิด ความรุนแรงที่เกิดจากการมีความขัดแย้งเรื่องที่ดินและชุมชน และความรุนแรงระหว่างแก๊งค์หรือองค์กรต่างๆ ซึ่งน่าสังเกตว่ารายงานเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดจากแก๊งค์มาเฟียที่เคยมีบ่อยครั้งในช่วงปี 2007-2010 นั้นลดลงมากกว่าร้อยละ 45 ซึ่งงานวิจัยชี้ว่ามีสาเหตุมาจากการที่องค์กรอาชญากรรมต่างๆพัฒนาตัวเองไปสู่องค์กรที่ถูกกฏหมายมากขึ้น และการธุรกิจการฆ่าคนนั้นไม่เหมาะสำหรับการทำเงินอีกต่อไป
ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินและชุมชนที่เป็นสาเหตุให้ถึงขั้นลงมือลงไม้จนเสียชีวิตนั้นความรุนแรงส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในแถบทวีปแอฟริกา
ขณะที่สหรัฐอเมริกานั้นยังคงครองความเป็นเจ้าในการส่งออกและนำเข้าอาวุธขนาดเล็กและอาวุธเบาที่มีปริมาณมากที่สุดในโลก ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าในปี 2010 มูลค่าการค้าอาวุธในอเมริกามีประมาณ 4 พัน 4 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1 แสน 3 หมื่นล้านบาท แต่ตัวเลขที่ไม่เป็นทางการอาจจะสูงมากกว่านั้น หรือประมาณ 8 พัน 5 ร้อยล้านเหรียญ หรือกว่าประมาณ 2 แสน 5 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
องค์กร Small Arms Survey เป็นองค์กรอิสระด้านการวิจัย ของสถาบันศึกษาพัฒนาระดับนานาชาติ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
