ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ทรัมป์ฝากความหวังกับรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ในความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อพลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี


Vice President Mike Pence speaks during a Life Is Winning event in the South Court Auditorium on the White House complex in Washington, Wednesday, Dec. 16, 2020. (AP Photo/Susan Walsh)
Vice President Mike Pence speaks during a Life Is Winning event in the South Court Auditorium on the White House complex in Washington, Wednesday, Dec. 16, 2020. (AP Photo/Susan Walsh)
Pence Under Pressure
please wait

No media source currently available

0:00 0:04:18 0:00

ในวันพุธที่ 6 มกราคมนี้ตั้งแต่เวลาบ่ายโมง รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของสหรัฐฯ จะทำหน้าที่อย่างหนึ่งในบรรดาไม่กี่อย่างตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ คือการเป็นประธานการประชุมร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งจะรับรองการลงคะแนนโดยคณะผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐ รวมทั้งจะเป็นผู้ประกาศผลการนับคะแนนดังกล่าวว่าใครคือประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป

อย่างไรก็ตามขณะนี้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์กำลังถูกกดดันอย่างหนักทั้งจากประธานาธิบดีทรัมป์และจากผู้สนับสนุนให้ประกาศว่าโจ ไบเดนไม่ใช่ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

เท่าที่ผ่านมา ไมค์ เพนซ์เรียกได้ว่าเป็นรองประธานาธิบดีและเป็นพันธมิตรทางการเมืองผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีทรัมป์มากที่สุดคนหนึ่งจากการปฎิบัติหน้าที่สนับสนุนผู้นำฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ผู้เดาใจได้ยากรวมทั้งไม่เคยทำตัวที่สร้างความไม่พอใจใดๆ ให้กับผู้ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในทำเนียบขาวเลย

แต่ในวันพุธนี้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์จะต้องปฎิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการเป็นประธานการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อเป็นสักขีพยานและรับรองผลการนับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งของรัฐต่างๆ ซึ่งจะลงเอยด้วยการประกาศว่าใครเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนต่อไป

ซึ่งถึงแม้การทำหน้าที่ดังกล่าวนี้จะเป็นเพียงพิธีการเพราะการแสดงเจตนารมย์ของประชาชนนั้นได้เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนและการลงคะแนนอย่างเป็นทางการของคณะผู้เลือกตั้งในรัฐต่างๆ ก็ผ่านไปแล้วเช่นกันเมื่อกลางเดือนธันวาคม แต่ไมค์ เพนซ์ก็กำลังถูกกดดันอย่างหนักทั้งจากตัวประธานาธิบดีทรัมป์เองและจากสมาชิกของพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ให้ใช้โอกาสที่ว่านี้พลิกผลการเลือกตั้งให้เป็นประโยชน์ต่อประธานาธิบดีทรัมป์

สำหรับตัวประธานาธิบดีทรัมป์เองนั้นได้กล่าวระหว่างการช่วยหาเสียงเลือกตั้งวุฒิสมาชิกสหรัฐในรัฐจอร์เจียเมื่อคืนวันจันทร์ว่าตนหวังว่าไมค์ เพนซ์จะช่วยดำเนินการเรื่องนี้และว่าหากไมค์ เพนซ์ไม่ยอมทำตามตนก็คงจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่นัก และเมื่อวันอังคารโดนัลด์ ทรัมป์ก็ยังทวีตเสริมอีกด้วยว่าไมค์ เพนซ์มีอำนาจที่จะปฏิเสธคณะผู้เลือกตั้งซึ่งได้รับเลือกมาอย่างฉ้อฉลได้

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ไม่ได้ให้อำนาจที่ว่านี้แก่รองประธานาธิบดีเพราะการคัดค้านผลการลงคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งเป็นอำนาจของรัฐสภา ซึ่งในกรณีนี้ก็ไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เนื่องจากพรรคเดโมแครตคุมเสียงอยู่ในสภาล่างหรือสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ถึงกระนั้นก็ตามก็ยังมีส.ส. ของพรรครีพับลิกันกว่า 100 คนและส.ว. ของพรรครีพับลิกันอีกกว่า 10 คนที่ประกาศว่าตนจะท้าทายผลการลงคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งถึงแม้จะไม่มีหลักฐานใดๆที่ยืนยันว่ามีการทุจริตในการเลือกตั้งทั่วไป และศาลสูงของสหรัฐฯ ก็ไม่ยอมรับฟังคำร้องเรื่องนี้ก็ตาม

ในส่วนของไมค์ เพนซ์เองนั้นยังไม่มีคำแถลงใดๆ ออกมาแต่บุคคลผู้ใกล้ชิดกับเขาได้ย้ำว่ารองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้มีความเคารพในสถาบันหลักทางการเมืองต่างๆ ของประเทศและคาดว่าจะทำหน้าที่ตามกฏหมายและตามหลักรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามแรงกดดันดังกล่าวทำให้ไมค์ เพนซ์อยู่ในฐานะที่น่าลำบากใจอย่างยิ่งเพราะตัวเขาเองคาดหวังว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 ซึ่งเรื่องนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์รวมทั้งจากฐานคะแนนของโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย

และขณะที่ไมค์ เพนซ์ยังคงมีเวลาอีกราวสี่ปีสำหรับเป้าหมายและความทะเยอทะยานทางการเมืองที่ว่านี้ สิ่งที่เขาจะต้องประคับประคองตัวเองให้ดีที่สุดจะเกิดขึ้นในวันพุธนี้ที่รัฐสภา ซึ่งไมค์ เพนซ์จะได้พบว่าตนตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับที่โจ ไบเดนเคยผ่านมาก่อนเมื่อสี่ปีที่แล้ว เพราะโจ ไบเดนในฐานะรองประธานนาธิบดีขณะนั้นก็ได้ทำหน้าที่เช่นเดียวกันด้วยการประกาศว่าโดนัลด์ ทรัมป์ของพรรครีพับลิกันเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งเหนือฮิลลารี คลินตันของพรรคเดโมแครต

XS
SM
MD
LG