หน่วยงานรักษากฎหมายจากหลายประเทศร่วมมือดำเนินปฏิบัติการสืบสวนและปราบปรามองค์กรอาชญากรรมทั่วโลก จนประสบความสำเร็จและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วกว่า 800 ราย และการยืดหลักฐานยาเสพติดน้ำหนัก 32 ตัน รวมทั้งทรัพย์สินมูลค่า 148 ล้านดอลลาร์เมื่อเร็วๆ นี้
ตัวแทนหน่วยงานรักษากฎหมายจากนานาประเทศเข้าร่วมการแถลงข่าวความสำเร็จของปฏิบัติการโทรจันชีลด์ (Operation Trojan Shiled) ที่เดอะเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ในวันอังคาร และมีการเปิดเผยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวนำไปสู่การบุกค้นในพื้นที่ 16 ประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดอาวุธปืนได้ถึง 250 ชิ้นและรถหรูจำนวน 55 คันด้วย
คอนสเตเบิล ฟาน เดน เบิร์ก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดการกับองค์กรอาชญากรรมที่มีเครือข่ายทั่วโลก ขณะที่ แคลวิน ชิเวอร์ส รองผู้อำนวยการส่วนงานสืบสวนอาชญกรรมของ สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) เสริมว่า ปฏิบัติการโทรจันชีลด์ คือ “ตัวอย่างอันชัดเจนของความสำเร็จจากการร่วมมือของหน่วยงานด้านรักษากฎหมายจากนานาประเทศทั่วโลก ที่ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเครื่องมือสอบสวนอันล้ำสมัยเพื่อตรวจจับ ขัดขวางและสลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
รายงานข่าวระบุว่า หน่วยงานรักษากฎหมายนานาชาติได้เข้าจัดการปิดแพลตฟอร์มที่มีการเข้ารหัสปกปิดไว้และองค์กรอาชญากรรมหลายแห่งใช้งานอยู่ ส่งผลให้บรรดาอาชญกรที่ลักลอบขนส่งยาเสพติดต้องไปหาโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัย และเปิดโอกาสให้ FBI จัดหาโทรศัพท์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชั่นพิเศษเอาไว้เพื่อติดตามตัว
ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา FBI ได้ส่งโทรศัพท์มือถือที่มีแอปดังกล่าวให้สมาชิกองค์กรอาชญากรรมที่คิดว่าอุปกรณ์ใหม่นี้มีความปลอดภัย จำนวนกว่า 300 กลุ่มที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ราว 100 ประเทศ ซึ่งทำให้หน่วยงานรักษากฎหมายนานาชาติสามารถจับตาดูการขนส่งยาเสพติดและแผนการอื่นๆ ขององค์กรเหล่านี้ได้สำเร็จ
ทั้งนี้ ปฏิบัติการโทรจันชีลด์นี้เป็นความคิดริเริ่มที่ FBI เป็นผู้นำการดำเนินการ ด้วยความร่วมมือจาก สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DEA) รวมทั้ง หน่วยงานตำรวจยุโรป Europol และหน่วยงานรักษากฎหมายจากอีกหลายสิบประเทศ
