รายงานทางธรณีวิทยากล่าวว่า เกาหลีเหนือมีแหล่งสินแร่หายากมากถึง 216 ล้านตัน นักวิเคราะห์มีความเห็นแตกต่างกันว่า ถ้าการขุดสำรวจยืนยันตัวเลขนี้ได้จริง จะส่งผลกระทบต่อการเมืองและเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกได้อย่างไรบ้าง
สินแร่หายากนี้ใช้ในอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคต่างๆ รวมทั้ง Smartphone และโทรทัศน์ High Definition หรือ HD และถ้าการขุดสำรวจยืนยันรายงานดังกล่าว ก็หมายความว่า เกาหลีเหนือจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดโลกสำหรับสินแร่ชนิดนี้แทนประเทศจีน
เวลานี้ บริษัท SRE Minerals ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในหมู่เกาะ Virgin ของอังกฤษ ได้ลงนามทำสัญญา 25 ปีร่วมโครงการพัฒนาขุดหาสินแร่หายากนี้แล้วกับ Korea Natural Resources Trading Corporation ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเกาหลีเหนือ
ทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดตั้งบริษัท Pacific Century Rare Earth Mineral จำกัดขึ้นมาเพื่อดำเนินโครงการนี้โดยเฉพาะแล้วด้วย
Scott Bruce นักวิเคราะห์ที่ East – West Center ในรัฐ Hawaii บอกว่า นอกจากจะแซงขึ้นหน้าจีนแล้ว ยังเป็นโอกาสที่เกาหลีเหนือจะปรับความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินแร่หายากรายใหญ่ได้อีกด้วย
แต่นักวิเคราะห์ผู้นี้เตือนว่า บริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเกาหลีเหนือมีอุปสรรคที่จะต้องฝ่าฟันมาก เพราะนอกจากเกาหลีเหนือจะมีระบบการปกครองที่ไม่เปิดเผยและไม่เปิดกว้างแล้ว โครงสร้างทางเศรษฐกิจ รวมถึงถนนหนทางและอุปทานทางด้านพลังงานไม่ดีพอ และแม้จะขุดหาสินแร่นี้ได้ ก็จะมีปัญหาจากมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจที่สหประชาชาติและสหรัฐวางไว้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องแรงงานด้วย นอกจากสภาพการทำงานจะไม่ดีแล้ว ยังมีการบังคับใช้แรงงานในเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจทำให้บริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุน ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ด้วย
Leonid Petrov นักวิจัยของมหาวิทยาลัย Australian National หรือ ANU ให้ความเห็นว่า เกาหลีเหนือจะไม่ปฏิรูปเศรษฐกิจของตนตามกฎข้อบังคับนานาชาติ และว่ามีเงื่อนไขสองประการที่จำเป็นสำหรับความอยู่รอดของเกาหลีเหนือ คือการมีภาวะวิกฤติตลอดเวลา และการแปลกแยกโดดเดี่ยว
ถ้าขาดเงื่อนไขทั้งสองนี้ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลา 10 ปีที่มีการใช้นโยบาย Sunshine เมื่อเกาหลีเหนือและใต้มีการค้าขาย ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน เกาหลีเหนือจะเห็นว่าเป็นอันตรายต่อตนเอง
ในเวลานี้ จีนเป็นผู้ผลิตสินแร่หายากรายใหญ่และยังเป็นผู้ควบคุมตลาดมากถึง 90% นักวิจัยของ ANU ไม่คิดว่า เกาหลีเหนือจะเสี่ยงเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่ และให้ความเห็นว่า จีนจะยังคงควบคุมการค้าแร่โลหะหายากนี้ต่อไป โดยเกาหลีจะขายสินแร่หายากที่ขุดได้ให้กับจีน ในขณะที่อิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนก็จะยังให้ความคุ้นครองเกาหลีเหนือทั้งทางการทหารและการลำเลียงขนส่งต่อไปด้วย
ส่วนจีน ซึ่งได้ประโยชน์จากการใช้เกาหลีเหนือเป็นรัฐกันชน ก็จะไม่ทำอะไรที่จะเป็นการทำลายผลประโยชน์ของตนเอง
สินแร่หายากนี้ใช้ในอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคต่างๆ รวมทั้ง Smartphone และโทรทัศน์ High Definition หรือ HD และถ้าการขุดสำรวจยืนยันรายงานดังกล่าว ก็หมายความว่า เกาหลีเหนือจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดโลกสำหรับสินแร่ชนิดนี้แทนประเทศจีน
เวลานี้ บริษัท SRE Minerals ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในหมู่เกาะ Virgin ของอังกฤษ ได้ลงนามทำสัญญา 25 ปีร่วมโครงการพัฒนาขุดหาสินแร่หายากนี้แล้วกับ Korea Natural Resources Trading Corporation ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเกาหลีเหนือ
ทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดตั้งบริษัท Pacific Century Rare Earth Mineral จำกัดขึ้นมาเพื่อดำเนินโครงการนี้โดยเฉพาะแล้วด้วย
Scott Bruce นักวิเคราะห์ที่ East – West Center ในรัฐ Hawaii บอกว่า นอกจากจะแซงขึ้นหน้าจีนแล้ว ยังเป็นโอกาสที่เกาหลีเหนือจะปรับความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินแร่หายากรายใหญ่ได้อีกด้วย
แต่นักวิเคราะห์ผู้นี้เตือนว่า บริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเกาหลีเหนือมีอุปสรรคที่จะต้องฝ่าฟันมาก เพราะนอกจากเกาหลีเหนือจะมีระบบการปกครองที่ไม่เปิดเผยและไม่เปิดกว้างแล้ว โครงสร้างทางเศรษฐกิจ รวมถึงถนนหนทางและอุปทานทางด้านพลังงานไม่ดีพอ และแม้จะขุดหาสินแร่นี้ได้ ก็จะมีปัญหาจากมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจที่สหประชาชาติและสหรัฐวางไว้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องแรงงานด้วย นอกจากสภาพการทำงานจะไม่ดีแล้ว ยังมีการบังคับใช้แรงงานในเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจทำให้บริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุน ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ด้วย
Leonid Petrov นักวิจัยของมหาวิทยาลัย Australian National หรือ ANU ให้ความเห็นว่า เกาหลีเหนือจะไม่ปฏิรูปเศรษฐกิจของตนตามกฎข้อบังคับนานาชาติ และว่ามีเงื่อนไขสองประการที่จำเป็นสำหรับความอยู่รอดของเกาหลีเหนือ คือการมีภาวะวิกฤติตลอดเวลา และการแปลกแยกโดดเดี่ยว
ถ้าขาดเงื่อนไขทั้งสองนี้ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลา 10 ปีที่มีการใช้นโยบาย Sunshine เมื่อเกาหลีเหนือและใต้มีการค้าขาย ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน เกาหลีเหนือจะเห็นว่าเป็นอันตรายต่อตนเอง
ในเวลานี้ จีนเป็นผู้ผลิตสินแร่หายากรายใหญ่และยังเป็นผู้ควบคุมตลาดมากถึง 90% นักวิจัยของ ANU ไม่คิดว่า เกาหลีเหนือจะเสี่ยงเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่ และให้ความเห็นว่า จีนจะยังคงควบคุมการค้าแร่โลหะหายากนี้ต่อไป โดยเกาหลีจะขายสินแร่หายากที่ขุดได้ให้กับจีน ในขณะที่อิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนก็จะยังให้ความคุ้นครองเกาหลีเหนือทั้งทางการทหารและการลำเลียงขนส่งต่อไปด้วย
ส่วนจีน ซึ่งได้ประโยชน์จากการใช้เกาหลีเหนือเป็นรัฐกันชน ก็จะไม่ทำอะไรที่จะเป็นการทำลายผลประโยชน์ของตนเอง
