กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีแถลงการณ์ประณามการใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงในเมืองลากอส เมืองใหญ่ที่สุดของไนจีเรีย หลังจากที่มีรายงานว่ากองกำลังรักษาความมั่นคงของไนจีเรียได้ยิงสังหารผู้ประท้วงอย่างน้อย 12 คนเมื่อสองวันที่แล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ระบุในแถลงการณ์ว่า "สหรัฐฯ ยินดีที่มีการตรวจสอบการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของทหารไนจีเรีย และผู้ที่เกี่ยวข้องควรถูกนำตัวมาลงโทษภายใต้กฎหมายของไนจีเรีย
เมื่อคืนวันพุธ รองประธานาธิบดีไนจีเรีย เยมี โอซินบาโจ ทวีตแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมสัญญาว่าจะนำผู้ที่ยิงสังหารผู้ประท้วงบริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง เลกกี (Lekki) ในเมืองลากอส มาลงโทษ
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ยังคงไม่ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ ต่อเหตุการณ์การปราบปรามผู้ประท้วงเมื่อวันอังคาร มีเพียงแต่เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบและสัญญาว่าจะปฏิรูประบบตำรวจของไนจีเรีย
ด้านองค์กรสิทธิมนุษยชน Amnesty International รายงานในวันพุธว่า มีประชาชนไนจีเรียเสียชีวิต 38 คนในคืนวันอังคาร และคาดว่ามีอีกอย่างน้อย 56 คนที่ถูกสังหารในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
Amnesty International ยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ทหารยิงสังหารประชาชนที่ด่านเก็บค่าผ่านทางเลกกี รวมทั้งใครที่เป็นผู้สั่งการ แต่ทางกองทัพไนจีเรียออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบในกรณีดังกล่าว รวมทั้งทวีตข้อความปฏิเสธรายงานข่าวเหล่านั้น โดยระบุว่าเป็น "ข่าวปลอม"
การประท้วงในไนจีเรียเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกือบสองสัปดาห์ก่อน เมื่อผู้ประท้วงได้ออกมาประณามการกระทำของหน่วยตำรวจพิเศษต่อต้านการลักทรัพย์ (Special Anti-Robbery Squad หรือ SARS) หลังจากที่มีวิดีโอแสดงให้เห็นชายผู้หนึ่งกำลังถูกเจ้าหน้าที่ของ SARS รุมทำร้าย
ที่ผ่านมา หน่วยพิเศษดังกล่าวถูกกล่าวหาหลายครั้งเรื่องการใช้อำนาจในทางที่ผิด ล่วงละเมิด คุกคาม ลักพาตัว ทำทารุณ และฆาตกรรมอำพราง
การประท้วงได้ลุกลามภายใต้ #EndSars ทำให้รัฐบาลตัดสินใจยุบหน่วยตำรวจพิเศษนี้ แต่การชุมนุมยังคงมีอยู่ต่อไปเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปวงการตำรวจทั้งหมดและยุติปัญหาการคอร์รัปชั่นในไนจีเรีย