องค์การอนามัยโลก (WHO) เริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดในอัฟกานิสถานเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากรายงานว่า มีเด็กอัฟกันเสียชีวิตจากการระบาดของโรคหัดแล้ว 142 รายในปีนี้ และมีผู้ติดเชื้อไวรัสโรคหัด 18,000 คนตั้งแต่เริ่มปีค.ศ. 2022 เป็นต้นมา
ภายใต้โครงการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลายพันคนจะเดินทางไปฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุไม่ถึง 5 ขวบมากกว่า 1.2 ล้านคนใน 24 จังหวัดทั่วอัฟกานิสถาน รวมทั้งจะสนับสนุนรัฐบาลตาลิบันในการใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคหัดในเด็กด้วย
จำนวนผู้ป่วยโรคหัดในอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อ 48,366 คน และเสียชีวิตแล้ว 250 คนในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา
WHO ระบุว่า อัตราการฉีดวัคซีนที่ลดลง และการเว้นระยะห่างจากโครงการระดมฉีดวัคซีนโรคหัดทั่วประเทศเมื่อปีค.ศ. 2018 คือสาเหตุที่ทำให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเสียชีวิตจากโรคหัดเพิ่มขึ้นเนื่องจากขาดภูมิคุ้มกัน
เจ้าหน้าที่ของ WHO ชี้ว่า การระบาดของโรคหัดในอัฟกานิสถานถือเป็นปัญหาที่น่ากังวลยิ่ง เนื่องจากมีเด็กจำนวนมากที่ขาดภูมิคุ้มกันและขาดสารอาหารที่จำเป็น
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มแนวคิดสุดโต่งที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่ผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ 8 คนถูกยิงเสียชีวิตขณะกำลังตระเวนฉีดวัคซีนตามบ้านเรือนของประชาชนในสองจังหวัดทางภาคเหนือของอัฟกานิสถาน
สหประชาชาติระบุว่า ความฉุกเฉินด้านสาธารณสุขครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่กำลังเกิดความขัดแย้งและความรุนแรงในอัฟกานิสถาน ภัยธรรมชาติและความแห้งแล้ง เศรษฐกิจตกต่ำ และผลกระทบจากมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลตาลิบันที่ส่งผลร้ายต่อเด็ก ๆ ชาวอัฟกัน
สหประชาชาติคาดการณ์ว่า ปัจจุบันมีชาวอัฟกันต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมราว 23 ล้านคน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมด โดยหนึ่งในสามเผชิญความอดอยากหิวโหย และเด็กราว 2 ล้านคนมีภาวะทุพโภชนาการอย่างรุนแรง
