รายงานข่าวมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ เปิดเผยเรื่องที่ถือว่าเป็นกรณีไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ซึ่งก็คือการที่นักวิจัยที่กำลังตามหาโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของกัมพูชาซึ่งถูกลักลอบนำออกนอกประเทศไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่ไม่หลายคนคิดไม่ถึง ซึ่งก็นี้ คือ เหล่าโจรกลับใจนั่นเอง
นักวิจัยกลุ่มนี้ได้อธิบายให้ ผู้สื่อข่าว วีโอเอ ภาคภาษาเขมร เกี่ยวกับที่ไปที่มาของแนวทางการทำงานที่แหวกแนวนี้
ปรุม กันนา นักวิจัยชาวเขมรของ Edenbridge Asia กล่าวว่า อดีตโจรพวกนี้รู้สึกผิด และบางครั้งถึงกลับร้องไห้เมื่อเห็นความงดงามของโบราณวัตถุ (ที่ถูกทวงคืนมาสำเร็จ) พวกเขาสำนึกได้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นผิด จึงกลับตัวและมุ่งมั่งที่จะช่วยเจ้าหน้าที่ตามหาของล้ำค่าเหล่านี้คืนมา
ทางด้าน ปรัก ธิดา จาก Edenbridge Asia เช่นกัน กล่าวเสริมว่า “กลุ่มโจรที่ขโมยรูปปั้นเศียรพระพิฆเนศที่เป็นหัวช้างไปนั้น ได้สารภาพถึงสถานที่ที่พวกเขาทำการขโมยเศียรและวิธีที่ใช้ในการหั่นเศียรออกเป็นชิ้นต่าง ๆ พวกเขาดีใจมากเมื่อเห็นข่าวว่าเศียรพระพิฆเนศกำลังถูกส่งกลับกัมพูชา”
นักวิจัยทั้งสองนั้นทำงานให้แก่บริษัทให้คำปรึกษากฎหมายกับกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปากรของรัฐบาลกัมพูชา โดยมีเป้าหมาย คือ การติดตามโบราณวัตถุที่ถูกลักลอบนำออกนอกกัมพูชาและถูกนำไปขายต่อในตลาดในต่างประเทศในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1990
ในพิธีส่งมอบโบราณวัตถุคืนแก่กัมพูชาที่จัดขึ้นที่นครนิวยอร์กในสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลอเมริกาและเอกอัครราชทูตของกัมพูชาได้เฉลิมฉลองความสำเร็จของการร่วมมือกันในการสืบพบและส่งคืนโบราณวัตถุรูปปั้นสัมฤทธิ์และหินที่เป็นองค์พระและทวยเทพเจ้าของฮินดูที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปีได้ถึง 30 รูป
เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการเขตใต้ของรัฐนิวยอร์ก ที่มาร่วมงานพิธีนี้ กล่าวว่า “พระพิฆเนศ พระสกันท์ และโบราณวัตถุชิ้นอื่น ๆ อีก 28 ชิ้นที่เรากำลังส่งคืนให้กัมพูชาได้ถูกขโมยมาจากกลุ่มปราสาทโบราณเกาะแกร์และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในช่วงที่กัมพูชาเผชิญกับสงครามกลางเมืองและความระส่ำระสายทางการเมืองในอดีต”
ส่วน เกา คี่ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาในสหรัฐฯ ร่วมยินดีกับข่าวนี้กล่าวเสริมว่า ชาวกัมพูชารู้สึกตื้นตันใจถึงความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการส่งคืนของล้ำค่าทางวัฒนธรรม ทางจิตใจ กลับสู่กัมพูชา
ทั้งนี้ หน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระบุว่า การติดตามโบราณวัตถุข้างต้นใช้เวลายาวนานถึงห้าปีเลยทีเดียว
ริกกี เจ. พาเทล จากหน่วยสืบสวนข้างต้น เล่าว่า เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกัน ร่วมด้วยหน่วยงานที่เข้ามาช่วยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้สืบหาเบาะแส สืบสวนที่มาที่ไป ตรวจดูธุรกรรมทางการเงิน และทำการสัมภาษณ์หลายสิบครั้งเพื่อตามหาของเหล่านี้คืนจนสำเร็จได้
ขณะเดียวกัน วิลเลียมส์ อัยการเขตใต้ของรัฐนิวยอร์ก กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวการสืบสวนว่า เจ้าหน้าที่ได้ค้นพบถึงกระบวนการลักลอบโบราณวัตถุ โดยโจรจะส่งของเหล่านี้ไปให้ ดักลาส แลชฟอร์ด ซึ่งเป็นพ่อค้าของเก่าและเสียชีวิตไปเมื่อปี 2020 จากนั้นก็จะทำการส่งต่อให้ตัวแทนจำหน่ายชาวตะวันตก นักสะสม หรือสถาบันอื่น ๆ
ปรัก ธิดา จาก Edenbridge Asia เล่าให้ วีโอเอ ฟังด้วยว่า เหล่าโจรพวกนี้ทำการขโมยวัตถุโบราณเพื่อหาเลี้ยงชีพให้อยู่รอด โดยส่วนใหญ่พวกเขาไม่ได้รับค่าตอบในการขโมยโบราณวัตถุ บางครั้งได้น้อยมาก หรือไม่ได้เลยด้วย
โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมทั้ง 30 ชิ้นเหล่านี้ที่ในอดีตเคยถูกลักลอบนำไปขายในตลาดศิลปะในต่างประเทศด้วยมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ แต่กำลังเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดและจะเข้าไปอยู่ในการดูแลและครอบครองของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของประเทศกัมพูชาในเร็ว ๆ นี้แล้ว
- ที่มา: วีโอเอ