ผู้นำอิรักกำลังหาทางเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วงเพื่อยุติการนองเลือดในอิรัก ในขณะที่ยังมีรายงานการประท้วงในบางส่วนของกรุงแบกแดด รวมทั้งในหลายเมืองทั่วอิรักในวันจันทร์
นายกรัฐมนตรีอิรัก อเดล อับดุล มาห์ดี กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ถอนกำลังทหารทุกหน่วยออกจากย่านซาดร์ ซิตี้ ในกรุงแบกแดด และส่งตำรวจไปประจำการแทนเพื้อลดความตึงเครียด หลังจากที่มีรายงานผู้ประท้วงถูกสังหารอย่างน้อย 13 คนในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาในย่านดังกล่าว
ผู้นำรัฐบาลอิรักรับปากด้วยว่าจะนำตัวทหารอิรักที่กระทำการรุนแรงและยิงสังหารผู้ประท้วงมาลงโทษด้วย
จนถึงขณะนี้คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงในอิรกไปแล้วกว่า 100 คน ตั้งแต่เริ่มการประท้วงเมื่อเกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อน
ขณะที่โฆษกรัฐบาลอิรักรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บกว่า 6,100 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นทหารอิรักกว่า 1,200 คน และยืนยันว่าผู้เสียชีวิต 8 ใน 13 คนที่เสียชีวิตในการปะทะกันในช่วงสุดสัปดาห์ เป็นเจ้าหน้าที่ทหารของอิรัก
ด้านนายกฯ มาห์ดี ขอให้ตัวแทนผู้ประท้วงเข้าสู่กระบวนการเจรจากับผู้นำฝ่ายรัฐบาลเพื่อรับฟังความต้องการของผู้ประท้วง แต่ผู้นำการเมืองบางส่วนของกลุ่มมุสลิมนิกายชีอะห์ กล่าวหาว่าผู้ประท้วงในกรุงแบกแดดถูกปลุกปั่นจากนอกประเทศ จนทำให้เกิดการนองเลือดในขณะนี้
การประท้วงครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งแรกที่รัฐบาลนายกฯ มาห์ดี ต้องเผชิญ หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อหนึ่งปีก่อน
การประท้วงในกรุงแบกแดดและหลายเมืองทางใต้ของอิรักเริ่มต้นขึ้นจากความไม่พอใจเรื่องเศรษฐกิจและบริการด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ จนลุกลามไปเป็นการต่อต้านปัญหาคอร์รัปชั่น รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกและจัดให้มีเลือกตั้งใหม่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ
คณะรัฐมนตรีอิรักได้ประชุมฉุกเฉินเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพื่อรับมือเหตุรุนแรง และได้ประกาศแผนปฏิรูปในหลายด้าน ตั้งแต่การจัดสรรที่ดิน ปฏิรูปการทหาร ไปจนถึงมาตรการแก้ปัญหาความยากจนและการว่างงาน
