‘ภาวะเงินเฟ้อพุ่ง’ บีบชาวอเมริกันรายได้น้อยให้ดิ้นรน ขณะที่คนรวยยังช้อปสบายกระเป๋า

ปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น การสิ้นสุดลงของการมอบเงินเยียวยาซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ และการที่สินค้าหลัก เช่น แก๊สและอาหารมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ช่องว่างระหว่างคนที่มั่งมีและคนยากจนในสหรัฐฯ ยิ่งถ่างขึ้นกว่าที่เป็นมา

ในขณะที่บรรดานักช้อปที่ร่ำรวยยังคงใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้อยู่ ขาช้อปที่มีรายได้น้อยกลับต้องหยุดใช้จ่ายได้รวดเร็วกว่าที่คาดคิดในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยพวกเขาจะซื้อแต่ของจำเป็นที่มีราคาถูกหรือหาร้านค้าที่ขายของราคาไม่แพง และจะซื้อแต่ทีละน้อยเท่านั้น

สถานการณ์ดังกล่าวนี้พลิกผันจากเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา เมื่อบรรดาขาช้อปรายได้น้อยได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลและได้รับแรงหนุนจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจนสามารถจับจ่ายใช้สอยได้อย่างอิสระมากขึ้น

คิชา กัลแวน (Kisha Galvan) คุณแม่วัย 44 ปีของลูกแปดคนที่มีอายุตั้งแต่ 9 ปีไปจนถึง 27 ปี บอกว่า เมื่อปีที่แล้ว เธอสามารถซื้อข้าวของตุนไว้ใช้ได้สำหรับหนึ่งสัปดาห์ และยังได้ซื้อของอื่น ๆ ให้ลูกเพิ่มอีก อย่างเช่น เสื้อผ้าและรองเท้าจาก Walmart

แต่เมื่อเธอไม่ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อช่วยประชาชนรับมือกับผลกระทบจากการระบาดใหญ่อีกแล้ว ขณะที่ เงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี เธอต้องเลือกซื้ออาหารกระป๋องเพิ่มขึ้น และต้องพึ่งพาตู้แจกอาหารในท้องถิ่นสัปดาห์ละหลาย ๆ ครั้ง แทนที่จะเป็นสัปดาห์ละครั้ง

ทั้งนี้ ความแตกต่างในการจับจ่ายใช้สอยของคนจนและคนรวยนั้นสะท้อนออกมาชัดเจนในรายงานผลประกอบการรายไตรมาสรอบล่าสุดของผู้ค้าปลีกทั้งหลาย เช่น ร้านค้าระดับไฮเอนด์ อย่าง Nordstrom และ Ralph Lauren ซึ่งรายงานยอดขายแข็งแกร่งเกินคาด เนื่องจากบรรดานักช้อปผู้มีอันจะกินได้กลับมาจับจ่ายใช้สอยเหมือนเมื่อตอนก่อนเกิดโรคระบาด ขณะที่ ธุรกิจเสื้อผ้า Lululemon ก็รายงานยอดขายที่แข็งแกร่งในหมวดสินค้าเสื้อผ้ากีฬาราคาแพงทุกไตรมาสด้วยเช่นกัน

แต่ในทางตรงกันข้าม ลูกค้าของ Walmart กลับต้องเปลี่ยนไปซื้ออาหารกลางวันที่ราคาถูกลง ซื้อนมเพียงครึ่งแกลลอนจากที่เคยซื้อเต็มแกลลอน ส่วน Kohl's ห้างสรรพสินค้าที่ราคากลาง ๆ เปิดเผยว่า ลูกค้าใช้จ่ายน้อยลงเรื่อย ๆ และ Gap ได้ปรับลดคาดการณ์ด้านการเงินประจำปีลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาวะเงินเฟ้อกระทบและบีบธุรกิจ Old Navy ซึ่งเป็นร้านค้าในเครือเดียวกันแต่มีราคาถูกกว่า

นอกจากนี้ร้านขายสินค้าราคาถูกอย่าง Big Lots ก็ประสบกับยอดขายที่ลดลงอย่างมากในไตรมาสล่าสุด โดยบรูซ เค ธอร์น (Bruce K Thorn) ซึ่งเป็นซีอีโอของบริษัทแห่งนี้ ได้บอกกับนักวิเคราะห์เมื่อปลายเดือนที่แล้วว่า ภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงนี้จำกัดความสามารถของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาสูง และตอนนี้คนอเมริกันจำนวนมากก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือนอีกครั้งแล้ว

อย่างไรก็ตาม การที่บรรดานักช้อปที่มีรายได้ต่ำหยุดใช้เงินนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคโดยรวมซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน ซึ่งรัฐบาลเผยว่า ยอดขายสินค้าปลีกยังคงแซงหน้าอัตราเงินเฟ้อติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่แล้ว อันเป็นสัญญาณที่ยืนยันว่า ผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญและช่วยคลายความกังวลว่า อาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ต่อไป

แต่ถึงกระนั้นนักวิเคราะห์ก็เชื่อว่า แม้แต่ขาช้อปที่ร่ำรวยก็อาจเลิกใช้เงินได้ หากตลาดหุ้นยังคงอ่อนตัวลง โดย มาร์แชล โคเฮน (Marshal Cohen) หัวหน้าที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมของบริษัทวิจัยตลาด The NPD Group Inc. กล่าวว่า ตลาดหุ้นส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อบรรดานักช้อปที่มีรายได้สูง และว่า การขาดทุนมากขึ้นก็อาจทำให้พวกเขาลดการจับจ่ายใช้สอยลงได้

• ที่มา: เอพี