อินโดนีเซียจะปิดเกาะซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของมังกรโคโมโดชั่วคราว

Rizaldian Syahputra ชายหนุ่มอายุ 20 ปี ทำงานเป็นมัคคุเทศก์สัตว์ป่าที่อุทยานแห่งชาติโคโมโดบนเกาะโคโมโด ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย หน้าที่ของเขาคือการพานักท่องเที่ยวเดินชมรอบๆ อุทยานเพื่อที่จะได้เข้าไปดูมังกรโคโมโด ซึ่งจัดว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในระยะใกล้ชิด

แต่ภายในปีหน้านี้เขาอาจจะต้องตกงานแล้ว เนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซียวางแผนปิดเกาะในเดือนมกราคมปีหน้า เพื่อเป็นการสงวนสัตว์เลื้อยคลานที่หายากชนิดนี้​

นาย Josef Nae Soi รองผู้ว่าราชการจังหวัด Nusa Tenggara ตะวันออก กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า โครงการนี้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายชาวบ้านราว 2,000 คนออกจากเกาะ และทางการกำลังเจรจากับผู้นำชุมชนเกี่ยวกับการย้ายที่อยู่อาศัยของคนเหล่านั้น

รัฐบาลอินโดฯ หวังว่าการปิดเกาะไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา จะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของการลักลอบล่าสัตว์ และช่วยให้สัตว์ต่างๆ ที่เป็นอาหารของมังกรโคโมโด เช่นกวาง ควาย และหมูป่า มีจำนวนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะปิดเกาะนี้เพียง 1 ปี หลังจากนั้นจะเปิดเกาะ และวางแผนที่จะทำให้เกาะนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม

Rizaldian Syahputra มัคคุเทศก์ซึ่งรักในงานของเขาเนื่องจากเป็นผู้มีความหลงใหลในธรรมชาติและการอนุรักษ์ แสดงความกังวลแทนคนอื่นๆ บนเกาะที่ต้องยังชีพด้วยการพึ่งพาการท่องเที่ยวบนเกาะนี้ เขากล่าวว่า การปิดเกาะครั้งนี้ต้องทำให้หลายๆ คนทุกข์ใจอย่างแน่นอน และว่าหากจะต้องปิดเกาะจริงๆ ก็หวังว่าทุกคนจะพบกันครึ่งทางในการแก้ปัญหานี้ กล่าวคือหากจะปิดเกาะก็ปิดบางพื้นที่เท่านั้น ไม่ใช่ปิดหมดทั้งเกาะ

ทั้งนี้ในปีพ.ศ. 2561 มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 176,000 คนเข้าเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติโคโมโด ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ระหว่างเกาะ Sumbawa และ Flores พื้นที่ทั้งหมดได้รับการขนานนามว่าเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกเมื่อปีพ.ศ. 2534

ที่เกาะโคโมโดนี้ คาดว่ามีมังกรโคโมโดอาศัยอยู่ประมาณ 1,700 ตัว ส่วนที่เกาะอื่นๆ ในอุทยานแห่งชาติอันเป็นที่อยู่ของกิ้งก่ายักษ์มากกว่า 1,400 ตัว เช่น เกาะ Rinca และ เกาะ Padar ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ก็ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะโคโมโดมาหลายชั่วอายุคนต่างไม่เห็นด้วยที่จะต้องย้ายออกจากเกาะ

Dahlia ชาวบ้านคนหนึ่งบนเกาะนี้ กล่าวว่า เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มาหลายปีแล้ว หลุมฝังศพของพ่อและบรรพบุรุษก็อยู่บนเกาะนี้ หากต้องย้ายออกไป แล้วใครจะเป็นผู้ดูแลหลุมฝังศพเหล่านั้น