ตำรวจปราบจลาจลอินเดียใช้มาตรการเด็ดขาดในการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านกฎหมายสถานะพลเมืองฉบับใหม่ ซึ่งลุกลามไปหลายเมืองใหญ่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ประชาชนราว 20 คนชุมนุมหน้าที่ทำการรัฐบาลรัฐอุตรประเทศในวันศุกร์ เพื่อประท้วงการปราบปรามซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ประท้วงหลายคน รวมทั้งมีข้อกล่าวหาว่าตำรวจอินเดียทำร้ายผู้ประท้วง
ขณะเดียวกัน ทางการรัฐอุตตรประเทศได้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วรัฐที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม หลังจากมีผู้ประท้วงเสียชีวิตกว่า 20 ราย และมีผู้ถูกจับกุมกว่า 1,000 คน ตั้งแต่กฎหมายดังกล่าวผ่านรัฐสภาอินเดียเมื่อต้นเดือนนี้
กฎหมายสถานะพลเมืองฉบับใหม่ของอินเดียกำหนดไว้ว่า ผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้านสามประเทศ คือ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และบังกลาเทศ ที่นับถือศาสนาที่ไม่ใช่ศาสนาหลักในประเทศเหล่านั้นรวม 6 ศาสนา เช่น ฮินดู ซิกห์ และคริสต์ จะได้รับสถานะพลเมืองอินเดียเร็วขึ้น แต่ไม่รวมอิสลาม
รัฐบาลอินเดียปฏิเสธว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม แต่เป็นเพราะชาวมุสลิมไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยในประเทศเหล่านั้นซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถืออิสลาม
บรรดาองค์กรอิสลาม กลุ่มสิทธิมนุษยชน และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ต่างต่อต้านกฎหมายฉบับนี้โดยบอกว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม และว่าเป็นความพยายามของนายกรัฐมนตรีนเรนธรา โมดี ที่ต้องการลดความสำคัญของศาสนาอิสลามในอินเดีย ซึ่งนายกฯ โมดี ได้ออกมาปฏิเสธ
ชาวมุสลิมในอินเดียจำนวนมากต่างบอกว่าพวกตนรู้สึกเหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง หลังจากที่นายกฯ โมดี ซึ่งนับถือศาสนาฮินดู ขึ้นสู่ตำแหน่งเมื่อ 5 ปีก่อน และชนะเลือกตั้งครั้งที่สองในปีนี้