ในทุกวันนี้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ตอบสนองในหลากหลายวัตถุประสงค์ หนึ่งในนั้นคือการวัดค่า “คุณภาพน้ำ” แบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนข้อมูลที่สำคัญ โดยเฉพาะการปนเปื้อนของน้ำ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่อสุขภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการลงไปว่ายน้ำบริเวณนั้น
ที่วอร์ลีห์ เวียร์ (Warleigh Weir) จุดว่ายน้ำธรรมชาติยอดนิยม ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ มีการทดสอบตรวจวัดสถานะคุณภาพน้ำด้วยเซ็นเซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยเซ็นเซอร์เหล่านี้ถูกติดตั้งไว้ตามจุดว่ายน้ำธรรมชาติและชายหาดในพื้นที่
ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำผ่านหน้าจอ โดยข้อมูลที่ได้จะช่วยตัดสินใจว่า คุณภาพน้ำในตอนนั้นมีความปลอดภัยเพียงใด และควรลงไปเล่นน้ำหรือไม่
แดน ไบลส์ จากบริษัท ยูนิไฟ เทคโนโลยี (UnifAI Technology) กล่าวว่า “สิ่งที่ AI ทำ คือใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ได้จากเซ็นเซอร์ และประมวลข้อมูลดังกล่าวเพื่อระบุถึงความเสี่ยงการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียในน้ำที่อาจเป็นอันตรายได้แบบทันท่วงที”
ไบลส์ จากบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาเซ็นเซอร์ดังกล่าว อธิบายว่า ในปัจจุบัน หากเราต้องการทราบสถานะความปลอดภัยของน้ำ ขั้นตอนก็คือ เราต้องสุ่มเก็บตัวอย่าง จัดส่งไปยังห้องทดลอง และรอผลการตรวจสอบเป็นเวลาสามวัน ก่อนที่เราจะรู้ว่าคุณภาพน้ำมีความปลอดภัยหรือไม่ และเขามองว่า ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการและวิธีที่ “ไม่ดีพอ”
ข้อมูลที่เก็บได้จากเซ็นเซอร์ที่ถูกติดตั้งบริเวณต้นน้ำ จะถูกระบบ AI ตรวจสอบในหลายมิติ อย่างเช่น ค่าความเป็นกรดด่าง อุณหภูมิ ปริมาณออกซิเจน รวมถึงระดับค่าแอมโมเนีย
ในช่วงการทดสอบระบบ AI เป็นระยะเวลา 6 เดือน ระบบได้เรียนรู้การเชื่อมโยง รูปแบบข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์ และระดับของเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำ
หากระบบดังกล่าวทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จะสามารถส่งข้อมูลอัปเดตแจ้งเตือนคุณภาพน้ำผ่านแอปบนมือถือ ทำให้ผู้คนรับรู้ว่าอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำระดับสูง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในด้านสุขภาพ เพราะจะช่วยช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร การติดเชื้อผิวหนัง ระบบหูและตา รวมถึงโรคร้ายแรงอื่น ๆ
ความคิดริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ที่ครอบคลุมรายละเอียดกว้างขวางกว่ามากในการปรับปรุงคุณภาพของแหล่งน้ำในประเทศ
เป็นระยะเวลาหลายปีแล้วที่ภาคเอกชนในอังกฤษไม่มีการลงทุนเพื่อส่งเสริมประเด็นนี้ อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่อังกฤษต้องเผชิญกับน้ำฝนปริมาณมากจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ประกอบกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยทั้งหมดทำให้ “อุตสาหกรรมน้ำ” ของอังกฤษ กำลังเข้าใกล้ “ภาวะวิกฤต”
ไบลส์ จากบริษัท UnifAI Technology กล่าวทิ้งท้ายว่า แม่น้ำและชายฝั่งของอังกฤษอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างมากเพราะปัญหาที่สะสมมานานหลายทศวรรษและไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาเพียงชั่วข้ามคืน โดยเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ต้องใช้ทั้งเวลา ความพยายาม รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาคุณภาพของแหล่งน้ำให้สำเร็จ
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น