ลิ้งค์เชื่อมต่อ

เคอร์ซอนยังเต็มไปด้วยภัยและอันตราย หลังการถอยทัพของรัสเซีย


FILE - Anti-tank mines are seen in the field near the recently liberated village of Pravdyne, Kherson region, Ukraine, Dec. 6, 2022.
FILE - Anti-tank mines are seen in the field near the recently liberated village of Pravdyne, Kherson region, Ukraine, Dec. 6, 2022.

เมืองเคอร์ซอนของยูเครนได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระจากการยึดครองของกองทัพรัสเซียมาได้ 1 เดือนแล้ว แต่การใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองนี้ยังคงเต็มไปด้วยอันตรายที่ซ่อนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในรูปของระเบิดแบบต่าง ๆ ที่ถูกซุกหรือวางเป็นกับดักไว้ทั่วเมือง

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคมคือ วันครบรอบ 1 เดือนของการถอนทัพของทหารรัสเซียที่ยึดครองเคอร์ซอนและพื้นที่รอบข้างไว้นานถึง 8 เดือน ซึ่งทำให้ผู้คนในยูเครนออกมาฉลองด้วยความยินดีกันทั่วประเทศ

แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในเมืองทางใต้แห่งนี้ การใช้ชีวิตยังไม่ได้กลับคืนสู่ภาวะปกติสักเท่าใด เพราะมรดกอันตรายที่กองทัพรัสเซียทิ้งไว้มากมาย ขณะที่ มอสโกยังคงพยายามยิงโจมตีเมืองนี้จากอีกฟากฝั่งของแม่น้ำดนิโปรอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันเสาร์ ทางการของเขตปกครองเคอร์ซอนเปิดเผยว่า การยิงโจมตีด้วยปืนใหญ่ของรัสเซียในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาส่งผลให้มีผู้คนในเมืองเคอร์ซอนเสียชีวิตไป 41 คน โดยในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย ขณะที่ มีผู้ได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 96 คน

นอกจากนั้น แม้ระบบน้ำประปาจะกลับมาใช้ได้เป็นปกติแล้วและประชาชนราว 70-80% ไม่ต้องผจญกับอากาศเย็นจัดของฤดูหนาวหลังเจ้าหน้าที่สามารถซ่อมแซมระบบทำความร้อนภายในอาคารบ้านเรือนที่หยุดชะงักไปชั่วคราวเพราะรัสเซียยิงถล่มสถานีทำความร้อนส่วนกลางขนาดใหญ่ของเมืองเสียหายไปเมื่อเดือนที่แล้ว เรื่องพลังงานไฟฟ้ายังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประชาชนในเมืองนี้เนื่องจากมีอาการดับ ๆ ติด ๆ เป็นช่วง ๆ อยู่

ด้วยเหตุนี้ เราอาจสรุปได้ว่า ชีวิตประจำวันของทั้งเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นและประชาชนดำเนินไปพร้อม ๆ กับเหตุชวนปวดหัวและเหตุเสี่ยงอันตรายที่กองทัพรัสเซียทิ้งไว้ให้ พร้อม ๆ กับการเตรียมตัวรับเรื่องร้ายใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งสื่อท้องถิ่น ซุสปิลนี (Suspilne) รายงานว่า กองกำลังรัสเซียใช้ปืนใหญ่ ปืนครก รถถังและจรวดยิงถล่มเข้ามาในเขตปกครองเคอร์ซอนถึง 68 ครั้ง ขณะที่ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผู้คนราว 5,500 คนตัดสินใจขึ้นรถไฟเที่ยวอพยพหนีออกจากพื้นที่เสี่ยงไปแล้ว และคนงานของเขตปกครองต้องทำการเก็บกวาดพื้นที่ถนนเป็นระยะทางยาว 190 กิโลเมตรที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีต่อเนื่องของรัสเซีย

A family look through their possessions at their house which was occupied by Russian forces, in recently liberated village of Pravdyne, Kherson region, Ukraine, Dec. 6, 2022.
A family look through their possessions at their house which was occupied by Russian forces, in recently liberated village of Pravdyne, Kherson region, Ukraine, Dec. 6, 2022.

และหลังจากรัสเซียถอนทัพไป มีรถบรรทุกนำความช่วยเหลือมาส่งให้ในเคอร์ซอนและเลือกใช้พื้นที่จตุรัสสโวโบดา (จตุรัสเสรีภาพ) ในกลางเมืองเพื่อแจกจ่ายอาหารและเสบียงต่าง ๆ ให้กับประชาชนที่เหนื่อยล้าและอดอยากเพราะสงคราม แต่เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน รัสเซียก็ทำการโจมตีพื้นที่ดังกล่าวขณะที่ประชาชนเข้าแถวยาวรอรับความช่วยเหลืออยู่ ทำให้ปัจจุบัน การนำส่งความช่วยเหลือต้องปรับเปลี่ยนไปเป็นการแจกจ่ายเป็นจุดย่อย ๆ ตามมุมถนนแทน

วาเลนทินา คีไทสกา ชาวยูเครนวัย 56 ปีที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านโชร์โนบาอิฟกา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเคอร์ซอน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะที่ วิถีชีวิตของผู้คนเริ่มกลับมาเป็นปกติอยู่ การยิงปืนใหญ่ถล่มนั้นยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่ในตอนกลางคืน ทำให้หลายคนได้แต่นอนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนทั้งคืน

ทั้งนี้ คำว่า “ปกติ” ในภาวะสงครามนั้นไม่ได้มีความหมายเหมือนกับนิยามของผู้ที่ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องประหวั่นพรั่นพรึงว่า อันตรายจะมาถึงตนเมื่อไร โดยเฉพาะเมื่อไม่มีใครทราบว่า สิ่งที่รัสเซียยืนยันว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” นี้จะจบลงในอีกไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ ไม่กี่เดือน หรือไม่กี่ปีกันแน่

ดังนั้น คำว่า “ปกติ” สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเคอร์ซอนนั้นจึงหมายถึง การที่ประชาชนต้องเพียรพยายามอย่างมากในการปรับการใช้ชีวิตให้เหมือนปกติมากที่สุด ด้วยการทำความสะอาดซากความเสียหายจากสงครามและกำจัดทุ่นระเบิดที่กองกำลังรัสเซียทิ้งไว้ออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่ อุณหภูมินั้นลดลงอย่างมากเพราะฤดูหนาวที่เพิ่งมาถึง

FILE - A general view of the damaged Antonivsky Bridge in Kherson, Ukraine, Nov. 27, 2022.
FILE - A general view of the damaged Antonivsky Bridge in Kherson, Ukraine, Nov. 27, 2022.

เจ้าหน้าที่จากทีมเก็บกู้ทุ่นระเบิดนายหนึ่งที่ขอใช้นามแฝงว่า “เทคนิค” ระบุว่า ความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่กำจัดทุ่นระเบิดนั้นเป็นเรื่องของสภาพอากาศเยือกแข็งซึ่งกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์ในสภาพที่ดินนั้นเย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง พร้อมเสนอว่า หากมีการส่งทีมงานมาช่วย ภารกิจอันแสนท้าทายนี้ก็จะลุล่วงได้ง่ายขึ้น

การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในเคอร์ซอนมีความสำคัญมาก เพราะกับดักที่ฝ่ายรัสเซียวางไว้มากมาย อาทิ ในเขตเบรีสลาฟสกี ที่มีการปักป้ายขนาดใหญ่ไว้กลางถนนสายหลักพร้อมข้อความว่า “มีทุ่นระเบิดอยู่ข้างหน้า” และชี้ให้ผู้สัญจรเลือกใช้เส้นทางถนนเล็กอีกเส้นแทน แต่อันที่จริง ถนนสายทางเลือกที่ว่านั้นกลับเต็มไปด้วยทุ่นระเบิด และเป็นสาเหตุให้เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดจำนวนหนึ่งและเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 4 นายต้องเสียชีวิตไปแล้ว

รายงานข่าวระบุว่า สภาพอันทรุดโทรมของถนนหนทางในเคอร์ซอนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทหารรัสเซียที่ถอนทัพไปวางกับดักถึงตายได้อย่างง่ายดาย เช่น หลุมบ่อบนถนนที่กลายมาเป็นจุดซ่อนทุ่นระเบิดสำเร็จรูปให้ฝ่ายรัสเซียโกยดินมาปิดไว้หลวม ๆ เป็นต้น

ทีมเก็บกู้ระเบิดของยูเครนยังต้องเดินไปตามบ้านทีละหลังเพื่อตรวจสอบว่า ไม่มีระเบิดซุกซ่อนอยู่ เพื่อให้เจ้าของบ้านจะได้กลับมาอยู่อาศัยอย่างปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เจ้าหน้าที่อาจต้องใช้เวลาถึง 3 วันเพื่อเคลียร์บ้านหลังหนึ่ง เพราะการซุกซ่อนระเบิดนั้นเกิดขึ้นได้ทุกจุด อย่างเช่น กรณีที่มีเจ้าหน้าที่พบระเบิดมือ 1 ลูกซุกอยู่ในเครื่องซักผ้าในบ้านหลังหนึ่ง โดยมีการโยงสายเชื่อมสลักระเบิดไว้กับลิ้นชักสำหรับใส่ผงซักฟอก ซึ่งถ้ามีใครที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ดึงออกมา ระเบิดก็จะทำงานทันที

นอกจากนั้น ยังมีสถานีตำรวจหลักของเมืองที่มีรายงานว่า ทหารรัสเซียจับตัวผู้คนไปทรมานช่วงที่ยึดครองเคอร์ซอนไว้ แต่หลังมีการถอนทัพไป กลับมีระเบิดซุกไว้เต็มพื้นที่ โดยทีมกู้ระเบิดเคยพยายามเข้าไปในพื้นที่เพื่อกำจัดระเบิด แต่เกิดการระเบิดที่จุดหนึ่งจนทำให้อาคารบางส่วนถล่มลงมา เจ้าหน้าที่จึงพักแผนงานสำหรับจุดนี้ไว้ชั่วคราว

แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เนื่องจากเขตปกครองเคอร์ซอนนั้นเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีการเพาะปลูกพืชพันธ์หลากหลายประเภท เช่น ข้าวสาลี มะเขือเทศ และแตงโมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเขตปกครองนี้ แต่พื้นที่ไร่สำหรับการเพาะปลูกนั้นยังเต็มไปด้วยทุ่นระเบิดมากจนมีการประเมินว่า ราว 30% ของพื้นที่นั้นจะไม่พร้อมใช้งานเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ซึ่งหมายถึง แหล่งอาหารของผู้คนที่อาจยังอยู่ในภาวะขาดแคลนอีกระยะ

อย่างไรก็ดี โอเลกซานเดอร์ เชโบตาริออฟ นักรังสีวิทยาวัย 35 ปีที่เป็นชาวเมืองเคอร์ซอน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวของเขา ภรรยา และลูกสาววัย 3 ขวบเชื่อว่า การใช้ชีวิตในตอนนี้ยังดีกว่าเมื่อกองทัพรัสเซียยึดครองไว้มาก เพราะ “(ทุกคน)หายใจได้คล่องปอดขึ้น” และว่า “ถ้าเสียงระเบิดยังไม่จบลงก่อนปีใหม่ ผมก็คงจะขอไปเที่ยวพักผ่อนที่อื่นก่อน”

  • ที่มา: วีโอเอ

XS
SM
MD
LG