นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ประกาศในวันจันทร์ว่า รัฐบาลตัดสินใจยุติการบังคับมาตรการจำกัดต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่ดำเนินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึง การสั่งให้ผู้ติดเชื้อแยกตัวออกมาเฝ้าระวังอาการด้วย
คำประกาศของผู้นำอังกฤษที่เกิดขึ้นต่อหน้าที่ประชุมรัฐสภานั้นเป็นสิ่งที่มีการคาดกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่นายกรัฐมนตรี จอห์นสัน ยังคงขอให้ผู้ที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสหรือมีอาการต้องสงสัยทั้งหลายเลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในบ้านต่อไป อย่างน้อยจนถึงวันที่ 1 เมษายนนี้ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลอังกฤษขอให้ผู้ป่วยทุกคนเริ่ม “แสดงความรับผิดชอบส่วนบุคคล” และเป็นวันที่รัฐบาลจะยุติการออกค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนด้วย
การประกาศยุติมาตรการควบคุมการระบาดของอังกฤษนี้มีออกมา แม้จะมีรายงานข่าวว่า สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 เพิ่งทรงติดเชื้อโคโรนาไวรัส โดยนายกรัฐมนตรี จอห์นสัน กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับทุกคนว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 นั้นยังไม่สิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองฝ่ายค้านบางรายเตือนว่า การยกเลิกมาตรการทั้งหมดนี้อาจนำทำให้ความสามารถในการทดสอบการติดเชื้อและติดตามตัวผู้ติดเชื้อหย่อนประสิทธิภาพลง และอาจทำให้ระบบคุ้มกันของประเทศต่อการแพร่ระบาดของไวรัสอื่นๆ ในอนาคตอ่อนแอลงได้
ขณะเดียวกัน โฆษกรัฐบาลจอร์แดนเปิดเผยในวันจันทร์ว่า นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี บิชร์ อัล-คาซอว์เนห์ มีผลตรวจการติดเชื้อโควิด-19 เป็นบวกขณะเดินทางเยือนอียิปต์ แต่ผู้นำจอร์แดนไม่มีอาการป่วยใดๆ
อย่างไรก็ตาม แผนการประชุมกับนายกรัฐมนตรีอียิปต์ก็ต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย และนายกรัฐมนตรี บิชร์ อัล-คาซอว์เนห์ จะเดินทางกลับกรุงอัมมานและทำแยกตัวเฝ้าระวังอาการต่อไป
ส่วนที่ออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรี โดมินิก เพอร์รอตต์ ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประกาศย้ำการเปิดพรมแดนให้แก่นักเดินทางระหว่างประเทศที่ไม่ได้มีแผนการเดินทางที่จำเป็น หลังรัฐบาลกลางสั่งปิดประเทศมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี รอยเตอร์ และเอเอฟพี
