ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รัฐบาลนานาประเทศเตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19


People stand apart from each other as they wait for a subway train in Rome, Italy, April 27, 2020.
People stand apart from each other as they wait for a subway train in Rome, Italy, April 27, 2020.

รัฐบาลในบางประเทศเตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ แม้จะมีคำถามว่า ประเทศนั้นๆ มีความพร้อมเพียงใดที่จะลดระดับการระวังภัย หากโควิด-19 กลับมาอีกครั้ง

นิวซีแลนด์คือหนึ่งในประเทศที่เริ่มเฟสที่ 1 ของการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ที่ดำเนินมานาน 1 เดือน ในวันจันทร์ ส่งผลให้โรงเรียนและธุรกิจบางแห่งสามารถเปิดทำการได้อีกครั้ง และประชาชนราว 400,000 คนได้กลับไปทำงานตามปกติ

นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ กล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการนี้เป็นผลมาจากการที่ไม่พบการระบาดวงกว้าง และไม่พบการแพร่เชื้อในชุมชนใดๆ ที่เล็ดรอดการทดสอบไปได้ ทำให้สามารถกล่าวได้ว่า นิวซีแลนด์รบชนะการแพร่ระบาดโควิด-19 ในรอบนี้ แต่ย้ำว่าเจ้าหน้าที่จะคอยจับตาเฝ้าดูกรณีการระบาดใหม่ๆ หากมีรายงานออกมาอีก

นิวซีแลนด์รบชนะการแพร่ระบาดโควิด-19 ในรอบนี้

นับตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 แพร่ไปทั่วโลก นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อราว 1,400 คน และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 19 คน

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์น ยืนยันว่า เวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศว่า นิวซีแลนด์ประสบความสำเร็จในการระงับการติดเชื้อโควิด-19 โดยสมบูรณ์

ขณะเดียวกัน บางประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันลดลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะ อิตาลี และ อังกฤษ ที่รายงานตัวเลขต่ำสุดในรอบ1 เดือน

British Prime Minister Boris Johnson makes a statement on his first day back at work in Downing Street, London, after recovering from a bout with the coronavirus that put him in intensive care, Monday, April 27, 2020. The highly contagious COVID-19…
British Prime Minister Boris Johnson makes a statement on his first day back at work in Downing Street, London, after recovering from a bout with the coronavirus that put him in intensive care, Monday, April 27, 2020. The highly contagious COVID-19…

และในวันจันทร์นี้เอง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน เดินทางกลับมาทำงานเป็นวันแรก หลังกลายมาเป็นผู้นำประเทศรายแรกของโลกที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู รวมทั้งพักฟื้นนานเกือบ 3 สัปดาห์ โดยก่อนเริ่มทำงาน นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า แม้รัฐบาลจะเข้าใจว่าประชาชนเริ่มร้อนรนเพราะคำสั่ง Lockdown แต่ทุกฝ่ายควรเข้าใจว่า การผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่างๆ นั้นมาพร้อมกับความเสี่ยงของการกลับมาของไวรัสและการเสียชีวิตของประชาชนระลอกใหม่ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งเสียหายหนักขึ้น

ผู้นำอังกฤษ ย้ำว่า จะไม่ทำให้ความพยายามและความเสียสละของชาวอังกฤษที่ผ่านมาเสียเปล่า ด้วยการเร่งผ่อนคลายมาตรการต่างๆ พร้อมร้องขอให้ประชาชนอดทนไว้จนกว่าช่วงเวลาที่ย่ำแย่นี้จะผ่านพ้นไป

ที่อิตาลี รัฐบาลกำลังเตรียมการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และนายกรัฐมนตรี จุสเซปเป้ คอนเต้ กล่าวว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ประชาชนสามารถออกจากบ้านไปเยี่ยมสมาชิกครอบครัวและญาติพี่น้องที่อยู่คนละที่ได้ แต่ต้องเดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น และทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยด้วย ส่วนสวนสาธารณะก็จะเปิดให้ประชาชนเข้าใช้บริการได้ แต่โรงเรียนทั่วประเทศจะยังปิดต่อไปจนถึงเดือนกันยายน

นายกรัฐมนตรีคอนเต้ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลยังไม่ตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้การแข่งขันฟุตบอลเซเรียอา อิตาลี (Serie A) เริ่มได้เมื่อใด แต่ผู้เล่นทุกคนสามารถกลับไปฝึกซ้อมรายบุคคลได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมนี้ ส่วนการซ้อมเป็นทีมจะทำได้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมเป็นต้นไป

ส่วนรัฐบาลสวีเดนประกาศความพร้อมดำเนินมาตรการที่จำเป็นนอกจากคำแนะนำเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม เนื่องจากสวีเดนไม่ได้ประกาศปิดประเทศเหมือนเพื่อนบ้านในยุโรป และอนุญาตให้ธุรกิจและโรงเรียนเปิดทำการตามปกติมาตลอด แม้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั้งในและนอกประเทศจะไม่เห็นด้วยก็ตาม โดยล่าสุดมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเกือบ 19,000 คนและมีผู้เสียชีวิกว่า 2,200 คน

coronavirus OMS
coronavirus OMS

และในระหว่างการแถลงข่าวในวันจันทร์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เทดรอส เกเบรเยซุส เรียกร้องให้ประเทศที่ทำการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ให้คอยจับตาดูการติดเชื้อ และแยกผู้ป่วยออกมาโดยด่วน พร้อมทำการทดสอบการติดเชื้อและรักษาผู้ป่วยทั้งหมด พร้อมๆ กับสืบหาผู้ที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วยโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การระบาดขยายตัวขึ้นอีก

เกเบรเยซุส ยังระบุด้วยว่า ภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลกนี้ยังไม่ใกล้จุดสิ้นสุดแม้แต่น้อย และกล่าวว่า WHO จะยังคงจับตาดูสถานการณ์ที่น่าห่วงในแอฟริกา ยุโรปตะวันออก ละตินอเมริกา และบางประเทศในเอเชีย

ข้อมูลล่าสุดณ บ่ายวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ ระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกได้พุ่งทะลุระดับ 3,000,000 รายไปแล้ว และตัวเลขผู้เสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200,000 รายเช่นกัน

XS
SM
MD
LG