ผลการศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์พืชและสัตว์มากกว่าห้าหมื่นชนิดเปิดเผยว่าภาวะโลกร้อนหากไม่ได้รับการแก้ไขจะส่งผลให้พันธุ์พืชและสัตว์จำนวนมากทั่วโลกสาปสูญ ผลการศึกษานี้เป็นการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมมากที่สุดที่เคยมีมาเพื่อศึกษาผลเสียจากภาวะโลกร้อนต่อระบบนิเวศวิทยา
การศึกษานี้เป็นการวิเคราะห์การสูญเสียพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในส่วนต่างๆของโลกที่อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นจากระดับอุณหภูมิในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมประมาณสี่องศาเซลเซียส รองศาสตราจารย์ คุณเรเชล วาเร็น ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะโลกร้อนที่มหาวิทยาลัย East Anglia ในอังกฤษ เป็นหัวหน้าทีมวิจัยนี้ เธอกล่าวว่าภายใต้สภาพแวดล้อมด้านอากาศที่ร้อนขึ้นนี้ คาดว่าพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์จำนวนมากจะลดจำนวนลงภายในปลายคริสตศวรรษนี้
รองศาสตราจารย์เรเชล วาเร็น กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า การวิจัยพบว่าหากไม่มีการหาทางลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกลง มากกว่าครึ่งหนึ่งของพันธุ์พืชและราวหนึ่งในสามของพันธุ์สัตว์จะลดจำนวนลงทั่วโลก หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าหากไม่มีการหยุดยั้งหรือชลอภาวะโลกร้อน ระบบนิเวศวิทยาในเกือบทุกแห่งบนโลกจะได้รับผลกระทบ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวอีกว่าทีมวิจัยยังพบด้วยว่าแม้ว่าการสูญเสียนี้จะเพิ่มมากขึ้นในทุกส่วนของโลก จุดที่เสียหายมากที่สุดคือทวีปอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า อเมริกากลาง ประเทศในลุ่มน้ำอะมาซอน ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ เอเชียกลางและยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่าให้ลองจินตนาการสภาพของโลกดูว่าจะเป็นอย่างไร ในสภาพที่เม็ดกาแฟ หรือแม้เเต่กบ กลายเป็นพืชและสัตว์ที่หายากหรือใกล้สูญพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าแม้เเต่การสูญพันธุ์พืชและสัตว์ในระบบนิเวศวิทยาทั่วโลกไปเพียงน้อยนิด ก็มีผลร้ายต่อระบบนิเวศวิทยาและคุณประโยชน์ของระบบเหล่านี้ต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตอย่างมหาศาล
รองศาสตราจารย์เรเชล วาเร็น หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าระบบกลั่นกรองน้ำและอากาศตามธรรมชาติจะได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นระบบที่สำคัญต่อการปลูกพืชของมนุษย์ การผสมเกสรของพืช การจัดหาอาหารและพลังงานในประเทศที่ต้องพึ่งพื้นดินเป็นหลัก ระบบนิเวศวิทยาต่างๆที่เปลี่ยนเเปลงไปจะมีผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตอาหารและการพังทลายของหน้าดิน
ผลการศึกษาไม่ได้ประเมินผลกระทบจากภัยธรรมชาติ การระบาดของแมลงและโรคภัย ที่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน คุณวาเร็นกล่าวว่าหากรวมผลกระทบเหล่านี้เข้าไว้ในการศึกษา ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนจะรุนแรงกว่าที่รายงานเอาไว้ แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากมีการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกลงให้ได้ปีละสองถึงห้าเปอร์เซ็นต์ โดยเริ่มภายในอีกสามปีข้างหน้า ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์จะลดลง
อย่างไรก็ตาม ปริมาณแก๊สเรือนกระจกที่คนเราปล่อยออกไปในชั้นบรรยากาศไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำนักงานด้านทะเลวิทยาและชั้นบรรยากาศโลกแห่งชาติสหรัฐ (National Oceanic and Atmospheric Administration) ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ว่าปริมาณความเข้มข้นของสารคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเฉลี่ยต่อวันได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 400 ส่วนต่อล้าน ส่งผลให้ภาวะโลกร้อนเลวร้ายลง
คุณเรเชล วาเร็น หัวหน้าทีมวิจัยในอังกฤษกล่าวปิดท้ายรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอว่าระดับการปล่อยแก๊สเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในปัจจุบันเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่เกิดขึ้นในอดีตที่เธอใช้ในการวิจัย ดังนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต หากไม่มีการลดการปล่อยแก็สเรือนกระจกลง จะแย่กว่าที่ประมาณการณ์ไว้ในผลการศึกษา
การศึกษานี้เป็นการวิเคราะห์การสูญเสียพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในส่วนต่างๆของโลกที่อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นจากระดับอุณหภูมิในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมประมาณสี่องศาเซลเซียส รองศาสตราจารย์ คุณเรเชล วาเร็น ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะโลกร้อนที่มหาวิทยาลัย East Anglia ในอังกฤษ เป็นหัวหน้าทีมวิจัยนี้ เธอกล่าวว่าภายใต้สภาพแวดล้อมด้านอากาศที่ร้อนขึ้นนี้ คาดว่าพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์จำนวนมากจะลดจำนวนลงภายในปลายคริสตศวรรษนี้
รองศาสตราจารย์เรเชล วาเร็น กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า การวิจัยพบว่าหากไม่มีการหาทางลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกลง มากกว่าครึ่งหนึ่งของพันธุ์พืชและราวหนึ่งในสามของพันธุ์สัตว์จะลดจำนวนลงทั่วโลก หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าหากไม่มีการหยุดยั้งหรือชลอภาวะโลกร้อน ระบบนิเวศวิทยาในเกือบทุกแห่งบนโลกจะได้รับผลกระทบ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวอีกว่าทีมวิจัยยังพบด้วยว่าแม้ว่าการสูญเสียนี้จะเพิ่มมากขึ้นในทุกส่วนของโลก จุดที่เสียหายมากที่สุดคือทวีปอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า อเมริกากลาง ประเทศในลุ่มน้ำอะมาซอน ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ เอเชียกลางและยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่าให้ลองจินตนาการสภาพของโลกดูว่าจะเป็นอย่างไร ในสภาพที่เม็ดกาแฟ หรือแม้เเต่กบ กลายเป็นพืชและสัตว์ที่หายากหรือใกล้สูญพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าแม้เเต่การสูญพันธุ์พืชและสัตว์ในระบบนิเวศวิทยาทั่วโลกไปเพียงน้อยนิด ก็มีผลร้ายต่อระบบนิเวศวิทยาและคุณประโยชน์ของระบบเหล่านี้ต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตอย่างมหาศาล
รองศาสตราจารย์เรเชล วาเร็น หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าระบบกลั่นกรองน้ำและอากาศตามธรรมชาติจะได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นระบบที่สำคัญต่อการปลูกพืชของมนุษย์ การผสมเกสรของพืช การจัดหาอาหารและพลังงานในประเทศที่ต้องพึ่งพื้นดินเป็นหลัก ระบบนิเวศวิทยาต่างๆที่เปลี่ยนเเปลงไปจะมีผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตอาหารและการพังทลายของหน้าดิน
ผลการศึกษาไม่ได้ประเมินผลกระทบจากภัยธรรมชาติ การระบาดของแมลงและโรคภัย ที่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน คุณวาเร็นกล่าวว่าหากรวมผลกระทบเหล่านี้เข้าไว้ในการศึกษา ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนจะรุนแรงกว่าที่รายงานเอาไว้ แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากมีการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกลงให้ได้ปีละสองถึงห้าเปอร์เซ็นต์ โดยเริ่มภายในอีกสามปีข้างหน้า ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์จะลดลง
อย่างไรก็ตาม ปริมาณแก๊สเรือนกระจกที่คนเราปล่อยออกไปในชั้นบรรยากาศไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำนักงานด้านทะเลวิทยาและชั้นบรรยากาศโลกแห่งชาติสหรัฐ (National Oceanic and Atmospheric Administration) ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ว่าปริมาณความเข้มข้นของสารคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเฉลี่ยต่อวันได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 400 ส่วนต่อล้าน ส่งผลให้ภาวะโลกร้อนเลวร้ายลง
คุณเรเชล วาเร็น หัวหน้าทีมวิจัยในอังกฤษกล่าวปิดท้ายรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอว่าระดับการปล่อยแก๊สเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในปัจจุบันเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่เกิดขึ้นในอดีตที่เธอใช้ในการวิจัย ดังนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต หากไม่มีการลดการปล่อยแก็สเรือนกระจกลง จะแย่กว่าที่ประมาณการณ์ไว้ในผลการศึกษา