ต้นสนที่ต้องไปตัดมาเองจากฟาร์มสนนั้น ราคามิได้ถูกกว่าต้นสนที่มีคนตัดมาวางขายไว้ตามร้านขายต้นไม้ริมทางหรือตามห้างขายอุปกรณ์ทำสวนใหญ่ๆเลยนะครับ มิหนำซ้ำยังราคาแพงกว่าถึง 2-3 เท่า แต่ว่าคนอเมริกันหลายครอบครัวก็ยินดีเดินทางไปเลือกและตัดต้นสนตามสวนต่างๆด้วยตนเอง เพื่อนำไปประดับประดาเป็นต้นคริสต์มาสภายในบ้านตามธรรมเนียมการฉลองวันคริสต์มาส
ความสนุกและการได้ใช้เวลาดีดีร่วมกันภายในครอบครัว คือเหตุผลสำคัญที่หลายบ้านตัดสินใจบุกป่าฝ่าดงไปตัดต้นสนเอง หลายบ้านทำจนกลายเป็นประเพณีของครอบครัวไปแล้ว และแม้ปัจจุบันต้นสนปลอมที่ทำจากพลาสติกซึ่งนำกลับมาใช้ได้ทุกปีจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก ด้วยยอดขายราว 12 ล้านต้นเมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากระดับ 10 ล้านต้นเมื่อ 7 ปีก่อน แต่นั่นก็มิได้ทำให้เจ้าของฟาร์มต้นสนอย่างคุณ Steven Wolff แห่งสวน Snickers Gap กังวลใจแต่อย่างใด คุณ Wolff บอกว่าธุรกิจของตนยังไปได้สวย และตนไม่ได้มองว่าต้นสนพลาสติกนั้นกำลังคุกคามธุรกิจที่ทำอยู่แต่อย่างใด
แม้ว่ายอดขายต้นสนแบบตัดแล้วที่วางขายตามร้านต้นไม้ต่างๆจะกำลังลดลง แต่ต้นสนแบบที่ผู้ซื้อต้องไปตัดเองนั้นยังคงได้รับความนิยมอยู่เสมอ คิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของตลาดต้นคริสต์มาสทั้งหมดในแต่ละปี แม้ลูกค้าจะต้องใช้เวลาราว 45 นาทีท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บเพื่อหาต้นสนที่ถูกใจ แล้วโค่นลงมาก่อนที่จะลากต้นสนนั้นไปจ่ายเงินราว 100 ดอลล่าร์หรือประมาณ 3,000 บาทเป็นค่าต้นไม้และค่าตัด ซึ่งเป็นราคาที่แพงกว่าต้นสนที่ตัดแล้วพอสมควร
เจ้าของฟาร์มต้นสน Snickers Gap เชื่อว่าในขณะที่คนส่วนใหญ่มักจะหันหาสิ่งที่มิได้เชื่อมโยงตัวเองเข้ากับธรรมชาติและโลกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ การได้ตัดต้นคริสต์มาสสำหรับตนเองสักต้นจึงเป็นสิ่งที่หลายคนพออกพอใจ และยังถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของครอบครัว ซึ่งบางครั้งประสบการณ์ก็สำคัญกว่าต้นคริสต์มาสต้นเดียว