ลิ้งค์เชื่อมต่อ

จีนเผยแผนส่งออกนักท่องเที่ยว 150 ล้านคนเป็นตัวแทนการทูตภายใต้ยุทธศาสตร์ "อำนาจนุ่ม"


Tourists file out of a passenger train that arrived at the train station in Lhasa
Tourists file out of a passenger train that arrived at the train station in Lhasa

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเปิดเผยในการกระชุม First World Conference on Tourism เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ใหม่ของจีน ที่ใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มอิทธิพลทางการทูตระหว่างประเทศ

สื่อของทางการจีนรายงานอ้างคำพูดของ Li Jinzao ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวจีน ซึ่งกล่าวต่อผู้ร่วมประชุม First World Conference on Tourism เมื่อเร็วๆนี้ ว่าจีนมีแผนส่งนักท่องเที่ยว 150 ล้านคนไปยังประเทศที่อยู่ในเส้นทางของโครงการ One Belt – One Road หรือ “หนึ่งถนน – หนึ่งวงแหวน” ภายในช่วง 5 ปีข้างหน้า

คาดว่านักท่องเที่ยวเหล่านี้จะใช้จ่ายเงินรวมกันเป็นมูลค่าราว 200,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้น ขณะที่ทางการจีนจะลงทุนในด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าจากระดับปัจจุบัน เป็น 460,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี ค.ศ.2020 โดยขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนราว 10.8% ของมูลค่า GDP ทั้งหมดของจีน

แต่นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า รัฐบาลจีนกำลังมองความสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสูงเกินความจริง แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าปักกิ่งมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะขยายบทบาทของภาคการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนความมุ่งหมายของจีนที่จะใช้การท่องเที่ยวเป็นยุทธศาสตร์ “อำนาจนุ่ม” ได้รับการตอบรับอย่างดีจากหลายประเทศ เห็นได้จากการปรับกฎเกณฑ์ด้านการขอวีซ่าเพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศตนได้ง่ายขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญทางการเมือง ก็เพิ่งเสนอวีซ่า 10 ปีให้กับนักธุรกิจและศิลปินจากจีนเช่นกัน

นอกจากนี้ หลายประเทศยังพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน โดยมีปัจจัยด้านการท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นด้วย

แนวโน้มใหม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวจีนที่ว่านี้ ถูกผลักดันโดยพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนจีนรุ่นใหม่ที่ใช้จ่ายและเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันเองมากขึ้น แทนการเที่ยวแบบเดิมซึ่งมักจะไปกันเป็นกลุ่มและมีไกด์นำทาง

ปัจจุบัน เกาหลีใต้และไทย กลายมาเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ในเอเชียสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ยุโรปแซงอเมริกาเหนือขึ้นมาเป็นจุดหมายอันดับหนึ่งนอกเอเชีย

ธนาคาร HSBC รายงานว่า การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนได้ช่วยยกระดับเศรษฐกิจของหลายประเทศในเอเชีย รวมทั้ง ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย นอกจากนี้ยังขยายประโยชน์ไปถึงสหรัฐฯ และบางส่วนของยุโรปด้วย

HSBC คาดว่าจะมีชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกราว 242 ล้านคน ภายในปี ค.ศ.2024 และจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดคือมากกว่า 15% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดใน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม ญี่ปุ่น และไทย

ขณะเดียวกัน สมาคมการท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจระหว่างประเทศ หรือ GBTA ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ว่า จีนได้แซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นตลาดการท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้วเป็นครั้งแรก โดยชาวจีนใช้จ่ายเงินราว 291 ล้านดอลลาร์ ในการเดินทางติดต่อธุรกิจตามประเทศต่างๆ เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ตัวเลขของชาวอเมริกันอยู่ที่ระดับ 290 ล้านดอลลาร์

GBTA ยังคาดด้วยว่าช่วงห่างระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในด้านนี้จะยิ่งกว้างมากขึ้นในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากอัตราการขยายตัวของทั้งสองประเทศ

(ผู้สื่อข่าว Saibal Dasgupta รายงานจากกรุงปักกิ่ง / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)

XS
SM
MD
LG