เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนตัดสินใจครั้งสำคัญในการผ่อนปรนนโยบายมีบุตรคนเดียวที่เริ่มบังคับใช้เมื่อ 35 ปีที่แล้ว ตอนนี้รัฐบาลจีนอนุญาตให้คู่สามีภรรยาชาวจีนมีบุตรได้สองคน และการปรับนโยบายด้านนี้ของจีนสร้างความตื่นเต้นแก่แวดวงธุรกิจด้านเทคโนโลยีส่งเสริมการมีบุตร
คาดกันว่าจีนจะกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลกของการมีบุตรผ่านเทคโนโลยี IVF หรือเด็กหลอดแก้ว
นายแพทย์ Luk Rombauts ผู้เชี่ยวชาญแห่งบริษัท Monash IVF Group Limited ในออสเตรเลีย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าหญิงชาวจีนที่ตั้งท้องลูกคนเเรกเมื่ออายุราว 30 กว่าปี ตอนนี้น่าจะอายุราว 40 กว่าปีแล้ว และแม้ว่าอาจจะอยากตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติแต่ร่างกายอาจจะไม่เอื้ออำนวย
คู่สามีภรรยาชาวจีนมักประสบกับอุปสรรคด้านกฏระเบียบของทางราชการ ขณะเข้ารับบริการบุตรหลอดแก้วในคลีนิค IVF ในจีน ทางการจีนห้ามไม่ให้มีการเลือกเพศบุตรและห้ามการใช้เทคโนโลยีการมีบุตรที่ก้าวหน้า
ครอบครัวชาวจีนจะต้องสมัครขอใบรับรองการเกิด และต้องเเสดงเอกสารการสมรสก่อนเข้ารับการบริการเพื่อช่วยให้มีบุตร ส่งผลให้ชนชั้นกลางของจีนที่เพิ่มจำนวนขึ้นเดินทางไปใช้บริการในต่างประเทศ ทั้งในออสเตรเลีย ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
คุณ James Marshall เป็นผู้จัดการด้านการพัฒนาธุรกิจแห่งคลีนิค Superior A.R.T. คลินิกบริการด้านการมีบุตรในประเทศไทย เขากล่าวว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทางคลีนิคมีลูกค้าที่เป็นชาวจีนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
คลินิกด้านการมีบุตรในประเทศไทยกำลังปรับเปลี่ยนการบริการเพื่อดึงดูดลูกค้าชาวจีน
คุณ Marshall กล่าวว่าทางคลินิกได้ว่าจ้างพนักงานที่พูดภาษาจีนแมนดาริน ได้เริ่มพิมพ์โบรชัวร์ของคลินิกเป็นภาษาจีนแมนดาริน และเริ่มสร้างความร่วมมือกับโรงพยาบาลและคลินิกการมีบุตรในประเทศจีน
ความร่วมมือกันกับโรงพยาบาลและคลินิกต่างประเทศจะช่วยลดปัญหาขาดแคลนบริการด้านการมีบุตรในจีนแผ่นดินใหญ่ลงได้
คุณ Sue Channon แห่ง Group CEO of Virtus Health ประจำสำนักงานใหญ่ในนครซิดนี่ย์ ออสเตรเลีย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่ามีการขอรับบริการด้านนี้เพิ่มมากขึ้นจากลูกค้าในจีนและบรรดาคลินิกในจีนต่างต้องการสร้างความร่วมมือกับคลินิกในออสเตรเลีย ทางบริษัทเองมีความน่าเชื่อถือสูงและให้บริการด้านการมีบุตรที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย แพทย์และเจ้าหน้าที่ของบริษัทในออสเตรเลียจำนวนมากพูดภาษาจีนแมนดารินได้
นักวิเคราะห์คาดว่าต่อจากนี้ไป ความเลวร้ายที่เกิดจากนโยบายมีบุตรคนเดียวของจีน ไม่ว่าจะเป็นการบังคับให้ทำแท้งและทำหมัน จะถูกแทนที่ด้วยความเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมการมีบุตรหลอดแก้ว
โดยบริษัทต่างชาติจะเป็นผู้ได้ผลประโยชน์จากความต้องการมีบุตรเพิ่มขึ้นในประเทศจีน
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)
