ลิ้งค์เชื่อมต่อ

วิเคราะห์: ประเด็นอัฟกานิสถานจะสำคัญสำหรับการเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐฯ ปีหน้าหรือไม่?


Afghanistan Political Fallout
please wait

No media source currently available

0:00 0:04:27 0:00

การถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานอย่างฉุกละหุกรวมทั้งการโจมตีของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามบินกรุงกาบูลซึ่งทำให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 นายสร้างผลเสียต่อภาพลักษณ์และคะแนนนิยมทางการเมืองสำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดนในขณะนี้อย่างเห็นได้ชัด

แต่ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองยังมีความเห็นที่แตกต่างกันว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐฯ ปลายปีหน้ามากน้อยเพียงใด

ผลการสำรวจความเห็นของ Morning Consult ซึ่งทำขึ้นหลังการโจมตีของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามบินกรุงกาบูลแสดงว่าคะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีไบเดนตกลงไปอยู่ในแดนลบนับเป็นครั้งแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี คือมีคะแนนไม่ชื่นชอบการทำงาน 49% เทียบกับคะแนนนิยมที่ 48% และเห็นได้ชัดว่าพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นฝ่ายค้านในสภาขณะนี้กำลังจ้องหาโอกาสจับประเด็นดังกล่าวขึ้นมาโจมตี

อย่างเช่นเมื่อวันอาทิตย์ในรายการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ This Week on Sunday ของข่ายงานโทรทัศน์ ABC วุฒิสมาชิกเบน แซสซี จากรัฐเนบราสกาดูจะสะท้อนสุ้มเสียงของหลายคนในพรรครีพับลิกันที่ทำนายว่าการกลับมามีอำนาจของกลุ่มตาลิบันจะทำให้อัฟกานิสถานกลายเป็นแหล่งซุ่มซ่อนและที่พักพิงของกลุ่มผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศอีกครั้ง

และว่าอัฟกานิสถานจะเปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของการทำสงครามศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนก็ไม่มีแผนที่จะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้แต่อย่างใด

ส่วนคุณคริสเตน โซติส แอนเดอร์สัน ผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทสำรวจประชามติของพรรครีพับลิกันชื่อ Echelon Insights ก็มองว่าถึงแม้เรื่องนโยบายต่างประเทศมักจะไม่สำคัญมากนักในการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ก็ตามแต่คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีไบเดนที่ตกต่ำลงอาจจะส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางอย่าง

และว่าความล้มเหลวรวมทั้งเหตุการณ์น่าสลดใจที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถานล้วนเป็นเครื่องบั่นทอนคำกล่าวของรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนที่มักอ้างว่ามีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ รวมทั้งเรื่องการพยายามสร้างความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรด้วย

ในส่วนของพรรคเดโมแครตเอง นายจอห์น ซอกบี้ นักสำรวจประชามติให้ความเห็นว่าประธานาธิบดีไบเดนจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อเรียกความสนับสนุนจากคนอเมริกันกลับคืนมาก่อนที่จะสายเกินไป และต้องพยายามอพยพชาวอเมริกันกับชาวอัฟกานิสถานที่ยังติดค้างอยู่ออกมารวมทั้งต้องเพิ่มการรับผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถานเข้าไปในสหรัฐด้วย

แต่ถึงแม้นักการเมืองฝ่ายรีพับลิกันจะพยายามใช้ประเด็นเรื่องอัฟกานิสถานให้เป็นประโยชน์สำหรับการเลือกตั้งกลางสมัยในปีหน้าซึ่งโดยปกติแล้วพรรครัฐบาลมักจะเสียคะแนนและเสียที่นั่งในสภานั้น นักรัฐศาสตร์หลายคนกลับมองว่าปัญหาเรื่องนี้ไม่น่าจะส่งผลยุ่งยากในระยะยาวต่อประธานาธิบดีไบเดน

อย่างเช่น อาจารย์เซต มาสเก็ต ผู้สอนวิชารัฐศาสตร์และผู้อำนวยการของศูนย์ Center on American Politics ที่ University of Denver มองว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่พรรครีพับลิกันคงพยายามใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่ตนไม่เชื่อว่าในอีก 14 เดือนต่อจากนี้กว่าจะถึงการเลือกตั้งกลางสมัย คือในเดือนพฤศจิกายนปีหน้านั้น ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวอเมริกันจะยังให้ความสนใจกับเรื่องสงครามในอัฟกานิสถานอยู่ต่อไป

และถึงแม้เราอาจไม่รู้ว่าสถานการณ์การเมืองในอัฟกานิสถานในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ตนก็เชื่อว่าอเมริกาคงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่กับเรื่องนี้อีกมากนัก

ส่วนอาจารย์บรูซ เจนเทิลสัน ผู้สอนวิชารัฐศาสตร์ที่ Duke University ก็มองเช่นกันว่าแม้จะมีการฉกฉวยประโยชน์จากเรื่องการถอนทหารมาโจมตีเกี่ยวกับภาวะผู้นำหรือความสามารถในการบริหารของประธานาธิบดีไบเดน ตนเห็นว่าสิ่งที่ประธานาธิบดีไบเดนและพรรคเดโมแครตควรต้องทำ คือมุ่งให้ความสนใจกับนโยบายภายในประเทศ ทั้งในเรื่องการสร้างงาน การแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 และการรับประกันสิทธิสำหรับการออกเสียงของชนกลุ่มน้อย

เพราะเรื่องเหล่านี้มักจะมีความสำคัญและมีความโดดเด่นมากกว่านโยบายต่างประเทศสำหรับการเลือกตั้งในอเมริกา

XS
SM
MD
LG