ประธานาธิบดีสหรัฐ จอร์จ บุช ออกเดินทางจากกรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายในตำแหน่งประธานาธิบดี ตามกำหนดการ ผู้นำสหรัฐจะเดินทางไปเกาหลีใต้ ต่อด้วยประเทศไทย ก่อนที่จะไปเยือนจีนเป็นประเทศสุดท้ายเพื่อร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ดูเหมือนว่าก่อนที่ประธานาธิบดี จอร์จ บุช จะเดินทางเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการ ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั่วไปตั้งแต่ตามท้องถนนในกรุงโซลไปจนถึงสนามจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในกรุงปักกิ่ง
ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐมีกำหนดจะเยือนเกาหลีใต้ตั้งแต่หลังการประชุมกลุ่ม จี 8 ที่ญี่ปุ่นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แต่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากเดินขบวนต่อต้านเนื้อวัวจากสหรัฐ แผนดังกล่าวจึงต้องเลื่อนออกไป
อาจารย์บียอง กี คิม แห่งมหาวิทยาลัยเกาหลีในกรุงโซลบอกว่า ช่วงเวลานั้นไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ประธานาธิบดีบุชจะเยือนเกาหลีใต้ เพราะสถานการณ์การเมืองในประเทศยังไม่ดีนัก และแม้เวลานี้ความขัดแย้งจะยังคงปรากฏอยู่ แต่ก็คลี่คลายลงมาก สำหรับประเด็นในการเจรจาที่กรุงโซล คาดว่าทั้งสองฝ่ายจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจและการเงินเป็นหลัก รวมทั้งเรื่องสถานภาพของกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ด้วย อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายลงความเห็นว่า ประเด็นเรื่องแถลงการณ์อาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือน่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการเจรจา
จากเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีสหรัฐจะเดินทางต่อไปยังประเทศไทย โดยคาดว่าเป้าหมายหลักจะเป็นการหารือเรื่องพม่า อย่างไรก็ตาม อาจารย์ธิตินันท์ พงศ์สุทธิลักษณ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผู้นำสหรัฐอาจให้ความสนใจกับพม่ามากเกินไปจนมองข้ามปัญหาของประเทศอื่นๆ ในแถบนี้
อาจารย์ธิตินันท์ กล่าวว่า เมื่อพูดถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลอเมริกันจะพุ่งเป้าไปที่พม่า ดังนั้นนโยบายต่างประเทศของสหรัฐจึงมิได้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคนี้
เท่าที่ควร ประธานาธิบดีบุชจะอยู่ในประเทศไทยเพียงไม่ถึง 24 ชม. หลังจากนั้นจะเดินทางต่อไปยังกรุงปักกิ่ง เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ประธานาธิบดีสหรัฐเชื่อว่าจะเป็นการดีที่นักกีฬาซึ่งฝึกฝนอย่างหนัก ทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ จะได้เห็นผู้นำประเทศยืนโบกธงอยู่บนอัฒจันทน์
อย่างไรก็ตาม คุณเดเร็ก มิทเชลล์ ผู้เชี่ยวชาญนโยบายเอเชียที่ศูนย์ยุทธศาสตร์และต่างประเทศศึกษา ระบุว่านั่นอาจจะเป็นการมองโลกในแง่ดีของผู้นำสหรัฐ
ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้เชื่อว่า ผู้นำประเทศที่มาร่วมในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้น ไม่ใช่มาเพื่อชมกีฬาอย่างสนุกสนานดังเช่นบุคคลทั่วไป แต่ต้องแบกรับชื่อเสียงเกียรติภูมิของประเทศไว้ด้วย เวลานี้จีนกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายที่มีต่อธิเบตและซูดาน จนเกิดการเรียกร้องไม่ให้ผู้นำประเทศต่างๆ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบุชได้ตกปากรับคำคำเชื้อเชิญจากประธานาธิบดีจีนไว้แล้ว จึงไม่สามารถกลืนน้ำลายตนเองได้ ซึ่งทางด้านผู้นำสหรัฐเองก็บอกว่าการไม่เข้าร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกนั้น จะเป็นการสบประมาทจีนอย่างรุนแรง
ประธานาธิบดีบุชยืนยันว่า พร้อมเต็มที่ที่จะเดินทางไปพบกับบรรดานักกีฬาอเมริกันที่กรุงปักกิ่ง และว่านักกีฬาอเมริกันทุกคนเปรียบเสมือนทูตแห่งสันติภาพ ที่จะเป็นตัวแทนแห่งความรักและสันติภาพของอเมริกาในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้
